21 May 2008
สรุปข้อสนเทศ :TTW (แก้ไขข้อมูลเงินปันผลในตารางสถิติ)
แก้ไขข้อมูลเงินปันผลและเงินปันผลต่อกำไร (%) ในตารางสถิติ
ตามที่ปรากฏข้อมูล เงินปันผล และ เงินปันผลต่อกำไร (%) ในสรุปข้อสนเทศของบริษัท น้ำประปา จำกัด
(มหาชน) (บริษัท) ที่เผยแพร่ผ่านระบบบริการข้อมูล ตลาดหลักทรัพย์ (SETSMART) ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2551
ขอแก้ไขข้อมูลเงินปันผล และ % เงินปันผลต่อกำไร ในตารางสถิติ ดังนี้
จากเดิม : แสดงข้อมูลการจ่ายเงินปันผลตามกระแสเงินสดที่จ่ายในแต่ละรอบบัญชี (เกณฑ์เงินสด)
งบการเงิน บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย
(สำหรับปี 2548: งบการเงินเฉพาะของบริษัท, สำหรับปี 2549 ปี 2550
และไตรมาสที่ 1 ปี 2551: งบการเงินรวม*)
(สำหรับปี 2548 - 2550: ตรวจสอบแล้ว, สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2551: ยังไม่ได้ตรวจสอบแต่สอบทานแล้ว)
---------------ล้านบาท-------- --------------------------บาท/หุ้น**--------
รายได้ กำไร กำไร เงินปันผล
มูลค่าหุ้น
ปี จากการ (ขาดทุน) (ขาดทุน) เงินปันผล ต่อกำไร
ตามบัญชี
ขาย สุทธิ สุทธิ (%)
2548 1,356.03 335.04 0.11 0.04 1.12 31.34
2549 1,697.80 674.41 0.21 0.08 1.21 38.11
2550 2,567.03 920.05 0.28 0.05 1.45 17.66
ไตรมาสที่ 1 ปี 2551 844.96 305.53 0.09 - 1.53 -
* สำหรับปี 2549 งบการเงินรวมจัดทำขึ้นโดยรวมงบการเงินของบริษัทและบริษัทย่อยซึ่งได้แก่ วอเตอร์โฟลว์
สำหรับปี 2550 และไตรมาสที่ 1 ปี 2551 งบการเงินรวมจัดทำขึ้นโดยรวมงบการเงินของบริษัทและบริษัทย่อย ซึ่ง
ได้แก่ วอเตอร์โฟลว์ ประปาปทุมธานี และบีเจที
** มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
จำนวนหุ้นที่ใช้ในการคำนวณคือจำนวนหุ้นสามัญถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่แสดงไว้ในงบการเงิน
แก้ไขเป็น :แสดงข้อมูลการจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการตามรอบบัญชี (เกณฑ์คงค้าง)
งบการเงิน บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย
(สำหรับปี 2548: งบการเงินเฉพาะของบริษัท, สำหรับปี 2549 ปี 2550
และไตรมาสที่ 1 ปี 2551: งบการเงินรวม*)
(สำหรับปี 2548 - 2550: ตรวจสอบแล้ว, สำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2551: ยังไม่ได้ตรวจสอบแต่สอบทานแล้ว)
---------------ล้านบาท-------- --------------------------บาท/หุ้น**--------
รายได้ กำไร กำไร เงินปันผล
มูลค่าหุ้น
ปี จากการ (ขาดทุน) (ขาดทุน) เงินปันผล ต่อกำไร
ตามบัญชี
ขาย สุทธิ สุทธิ (%)
2548 1,356.03 335.04 0.11 0.07 1.12 59.55
2549 1,697.80 674.41 0.21 0.10 1.21 48.19
2550 2,567.03 920.05 0.28 - 1.45 -
ไตรมาสที่ 1 ปี 2551 844.96 305.53 0.09 - 1.53 -
* สำหรับปี 2549 งบการเงินรวมจัดทำขึ้นโดยรวมงบการเงินของบริษัทและบริษัทย่อยซึ่งได้แก่ วอเตอร์โฟลว์
สำหรับปี 2550 และไตรมาสที่ 1 ปี 2551 งบการเงินรวมจัดทำขึ้นโดยรวมงบการเงินของบริษัทและบริษัทย่อย ซึ่ง
ได้แก่ วอเตอร์โฟลว์ ประปาปทุมธานี และบีเจที
** มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
จำนวนหุ้นที่ใช้ในการคำนวณคือจำนวนหุ้นสามัญถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักที่แสดงไว้ในงบการเงิน
- สรุปข้อสนเทศ -
บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) (TTW)
ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ 30/10 หมู่ที่ 12 ถนนพุทธมณฑลสาย 5 ตำบลไร่ขิง อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210
โทรศัพท์ (662) 811-7526, (662) 811-7528, (662) 811-8369
โทรสาร (662) 420-6064
Website www.thaitap.com
ที่ตั้งโรงงาน 68 หมู่ 9 ตำบลบางระกำ อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม
โทรศัพท์ (6634) 276-805 โทรสาร (6634) 277-113
เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2551
(เริ่มทำการซื้อขายวันที่ 22 พฤษภาคม 2551)
ประเภทหลักทรัพย์จดทะเบียน หุ้นสามัญ 3,990,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท รวม
3,990,000,000 บาท
ทุนของบริษัท ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2551 (วันที่เริ่มทำการซื้อขาย)
ทุนจดทะเบียน
หุ้นสามัญ 3,990,000,000 บาท
ทุนชำระแล้ว
หุ้นสามัญ 3,990,000,000 บาท
ตลาดรอง ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
ราคาเสนอขาย 4.20 บาทต่อหุ้น
จำนวนหุ้นที่เสนอขาย จำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งสิ้น 1,000 ล้านหุ้น ประกอบด้วย
1. หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 700 ล้านหุ้น และ
2. หุ้นสามัญเดิม จำนวน 300 ล้านหุ้น โดย
- บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) จำนวน 143,062,000 หุ้น
- บริษัท มิตซุย วอเตอร์ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 105,000,000
หุ้น
- บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน 37,500,000 หุ้น
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จำนวน 7,515,000 หุ้น
- ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 6,923,000 หุ้น
วันที่เสนอขาย วันที่ 12 - 13 พฤษภาคม 2551 สำหรับบุคคลทั่วไปและผู้มีอุปการคุณ
วันที่ 14 - 16 พฤษภาคม 2551 สำหรับนักลงทุนสถาบัน
วัตถุประสงค์การใช้เงินเพิ่มทุน บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนใน
ครั้งนี้ ภายหลังหักค่าใช้จ่ายในการเสนอขายหลักทรัพย์ไปใช้เพื่อชำระคืนเงินกู้
ระยะสั้นของบริษัท
การจัดสรรหุ้นส่วนเกิน ไม่มี
ประเภทกิจการและลักษณะการดำเนินงาน
บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) (บริษัท)
บริษัทเป็นผู้ประกอบกิจการประปาภาคเอกชนรายใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำประปา
ให้แก่การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ในพื้นที่ 5 อำเภอ 2 จังหวัด ได้แก่ อำเภอนครชัยศรี อำเภอสามพราน อำเภอ
พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม และ อำเภอกระทุ่มแบน และ อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อตอบสนอง
นโยบายของรัฐบาลที่จะให้ประชาชนใช้น้ำประปาทดแทนการใช้น้ำบาดาล อันเป็นการแก้ปัญหาแผ่นดินทรุดและน้ำเค็ม
แทรกในชั้นน้ำบาดาล และเพื่อเพิ่มพื้นที่บริการน้ำประปาให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค
เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2543 บริษัทได้เข้าทำสัญญาซื้อขายน้ำประปากับ กปภ. มีอายุสัญญา 30 ปี สิ้นสุดวันที่ 20
กรกฎาคม 2577 ลักษณะสัญญาเป็นแบบ Build Own Operate (BOO) กล่าวคือ บริษัทเป็นผู้ก่อสร้างระบบผลิตน้ำประปา
และระบบจ่ายน้ำประปาให้แก่ผู้บริโภค และเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในระบบผลิตน้ำประปา และระบบจ่ายน้ำประปาให้แก่
ผู้บริโภค โดยบริษัทไม่ต้องโอนระบบผลิตและระบบจ่ายน้ำประปาดังกล่าวให้แก่ กปภ.
บริษัทได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปาจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 11 มีนาคม
2548 มีระยะเวลาสัมปทาน 25 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 10 มีนาคม 2573 โดยสัมปทานอนุญาตให้บริษัทผลิตและจำหน่าย
น้ำประปาในพื้นที่ 5 อำเภอ 2 จังหวัด ดังกล่าวข้างต้น
โรงงานผลิตน้ำของบริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งและกำลังการผลิตสูงสุด ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ 320,000
ลบ.ม./วัน ในการผลิตน้ำประปา บริษัทจะสูบน้ำดิบจากแม่น้ำท่าจีนมาใช้ในการผลิตน้ำประปา โดยน้ำประปาที่ผลิตได้จะถูก
ส่งจากโรงผลิตน้ำที่อำเภอบางเลน จังหวัดนครปฐม ด้วยท่อส่งน้ำประธาน (Bulk Transmission Main : BTM) ไปยังสถานี
จ่ายน้ำทั้ง 2 แห่งของบริษัทคือ สถานีจ่ายน้ำพุทธมณฑล และสถานีจ่ายน้ำมหาชัย และสูบจ่ายต่อผ่านท่อจ่ายน้ำ (Local
Distribution Network : LDN) เข้าสู่ท่อบริการเพื่อสูบจ่ายน้ำต่อไปยังพื้นที่ให้บริการในเขตพื้นที่ของสำนักงานประปาสาม
พราน สำนักงานประปาอ้อมน้อย และสำนักงานประปาสมุทรสาคร ปริมาณน้ำที่ซื้อขายในแต่ละเดือนจะถูกวัดด้วยมาตรวัด
น้ำที่สถานีจ่ายน้ำทั้ง 2 แห่ง ทั้งนี้ ตามสัญญาซื้อขายน้ำประปาได้กำหนดปริมาณน้ำขั้นต่ำที่ กปภ. ต้องซื้อจากบริษัท
(MOQ) ตลอดระยะเวลา 30 ปี แบบเพิ่มขึ้นตลอดอายุของสัญญา ดังนี้
ระยะเวลาเริ่มต้น ระยะเวลาสิ้นสุด ปริมาณน้ำขั้นต่ำที่ กปภ. ต้องซื้อ (ลบ.ม./วัน)
21 กรกฎาคม 2547 20 กรกฎาคม 2549 200,000
21 กรกฎาคม 2549 20 กรกฎาคม 2551 250,000
21 กรกฎาคม 2551 20 กรกฎาคม 2577 300,000
นอกจากข้อกำหนดเรื่องปริมาณน้ำขั้นต่ำที่ กปภ. ต้องซื้อจากบริษัทตามรายละเอียดข้างต้นแล้ว ตามสัญญาซื้อขาย
น้ำประปากำหนดได้กำหนดให้บริษัทจะต้องดูแลและทำให้ระบบผลิตน้ำประปาของบริษัทมีกำลังการผลิตเพียงพอที่จะส่ง
น้ำประปาในปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ กปภ. ต้องซื้อในขณะนั้นบวกด้วยร้อยละ 7 ของปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อใน
ขณะนั้น หรือบวกด้วยปริมาณน้ำประปาจำนวน 20,000 ลบ.ม./วัน แล้วแต่อย่างใดจะน้อยกว่าเสมอ
ส่วนอัตราค่าน้ำประปาจะคำนวณตามอัตราค่าน้ำประปาที่กำหนดตามสัญญาซื้อขายน้ำประปาซึ่งจะมีการปรับราคาตาม
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (General CPI) ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และค่าคงที่ (K) ทุกวันที่ 1 มกราคม ของปี
ตลอดอายุสัญญาซื้อขายน้ำประปา
อัตราค่าน้ำประปาที่บริษัทขายให้แก่กปภ. ที่ผ่านมาเป็นดังนี้
ระยะเวลา อัตราค่าน้ำประปา (บาท / ลบ.ม.)
5 มกราคม 2547 ถึง 31 ธันวาคม 2547 17.437898
1 มกราคม 2548 ถึง 31 ธันวาคม 2548 18.609628
1 มกราคม 2549 ถึง 31 ธันวาคม 2549 20.259647
1 มกราคม 2550 ถึง 31 ธันวาคม 2550 21.481579
1 มกราคม 2551 ถึง 31 ธันวาคม 2551 22.751945
บริษัทมี บริษัท วอเตอร์โฟลว์ จำกัด (วอเตอร์โฟลว์) (บริษัทย่อยร้อยละ 100) ทำหน้าที่เป็นเป็นส่วนหนึ่งของฝ่าย
ปฏิบัติการในการผลิตและจ่ายน้ำประปาเพื่อจำหน่ายให้กปภ
บริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด (ประปาปทุมธานี)
ประปาปทุมธานีมีฐานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัท โดยเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2550 บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของ
ประปาปทุมธานี จำนวน 10,698,283 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 89.15 ของหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมดของประปาปทุมธานี
และเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของประปาปทุมธานีเพิ่มเติมอีกจำนวน 1,061,452 หุ้นหรือคิด
เป็นสัดส่วนร้อยละ 8.85 ของหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมดของประปาปทุมธานี ทำให้บริษัทถือหุ้นในประปาปทุมธานีทั้งสิ้นจำนวน
11,759,735 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 98 ของหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมดของประปาปทุมธานี
ประปาปทุมธานีประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำประปาให้แก่ กปภ. เช่นเดียวกับบริษัทเป็นผู้ประกอบกิจการประปา
ภาคเอกชนรายใหญ่อันดับสองรองจากน้ำประปาไทย โดยเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2538 ประปาปทุมธานีได้เข้าทำสัญญาให้
สิทธิดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาในปริมาณไม่เกิน 288,000 ลบ.ม/วัน กับ กปภ. มีอายุสัญญา 25 ปี สิ้นสุดวันที่
14 ตุลาคม 2566 ลักษณะสัญญาเป็นแบบ Build-Own-Operate-Transfer (BOOT) โดยประปาปทุมธานีเป็นผู้ก่อสร้าง
ระบบผลิตและระบบจ่ายน้ำประปา และประปาปทุมธานีต้องโอนระบบจ่ายน้ำประปาให้แก่ กปภ. ณ วันเริ่มประกอบกิจการ
แต่ในส่วนระบบผลิตน้ำประปาจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ กปภ. ในเวลา 24.00 น. ของวันที่ครบ 25 ปี หลังจากวันเริ่ม
ประกอบกิจการ โดย กปภ. รับซื้อน้ำประปาจากประปาปทุมธานีเพื่อจำหน่ายแก่ประชาชนในพื้นที่บริการเขตปทุมธานีและ
รังสิต จังหวัดปทุมธานี และเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2549 ประปาปทุมธานีได้เข้าทำสัญญาซื้อขายน้ำประปากับ กปภ. เพื่อ
เพิ่มปริมาณน้ำประปาที่จะซื้อจากประปาปทุมธานีอีกในปริมาณ 70,000 ลบ.ม./วัน โดยกำหนดให้บริการในเขตพื้นที่
สำนักงานประปารังสิต สัญญาฉบับนี้สิ้นุสุดในวันที่ 14 ตุลาคม 2566 ลักษณะสัญญาเป็นแบบ Build-Own-Operate-
Transfer (BOOT) เช่นเดียวกับสัญญาให้สิทธิดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปา
นอกจากนี้ ประปาปทุมธานีได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปาจากกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2543
มีระยะเวลาสัมปทาน 25 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 12 มกราคม 2568 โดยได้รับอนุญาตให้ผลิตและจำหน่ายน้ำประปาในในเขต
พื้นที่บริการเขตปทุมธานี - รังสิต จังหวัดปทุมธานี
การผลิตน้ำประปาของประปาปทุมธานี เริ่มจากการสูบน้ำดิบจากแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อใช้ในการผลิตที่โรงผลิตน้ำที่
อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ซึ่งมีกำลังการผลิตสูงสุด ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ 308,000 ลบ.ม./วัน น้ำประปา
ที่ผลิตได้จะถูกส่งด้วยท่อส่งน้ำประธาน (BTM) ไปยังสถานีจ่ายน้ำทั้ง 3 แห่งของประปาปทุมธานี คือสถานีจ่ายน้ำรังสิต
สถานีจ่ายน้ำธรรมศาสตร์ และสถานีจ่ายน้ำปทุมธานี และจะถูกสูบจ่ายต่อผ่านท่อจ่ายน้ำ LDN ซึ่งเป็นทรัพย์สินของ กปภ.
ไปยังท่อบริการเพื่อให้บริการประชาชนในเขตพื้นที่ของสำนักงานประปาปทุมธานีและสำนักงานประปารังสิต ทั้งนี้ ตาม
สัญญาซื้อขายน้ำประปาได้กำหนดปริมาณน้ำขั้นต่ำที่ กปภ. ต้องซื้อจากบริษัท (MOQ) ปริมาณน้ำประปาที่ซื้อขายในแต่ละ
เดือนจะถูกวัดด้วยมาตรวัดน้ำที่สถานีจ่ายน้ำทั้ง 3 แห่ง และคำนวณตามอัตราค่าน้ำประปาที่กำหนดตามสัญญาซึ่งจะมีการ
ปรับราคาทุกวันที่ 1 มกราคม ของแต่ละปีตามดัชนีราคาผู้บริโภค
ปริมาณน้ำขั้นต่ำที่กปภ. ต้องซื้อจากประปาปทุมธานี (MOQ)เพิ่มเติม ตามสัญญาซื้อขายน้ำประปา ฉบับลงวันที่ 15
กันยายน 2549 สรุปได้ด้งนี้
ปริมาณน้ำขั้นต่ำที่ กปภ. ต้องซื้อ
ครั้งที่ ระยะเวลาเริ่มต้น
(ลบ.ม./วัน)
1 วันที่สามารถผลิต-ส่งน้ำประปาในปริมาณ 70,000 ลบ.ม./วัน 50,000
2 วันที่ถัดจากวันที่ครบรอบ 12 เดือนของ MOQ ที่ต้องซื้อในครั้งที่ 1 60,000
3 วันที่ถัดจากวันที่ครบรอบ 12 เดือนของ MOQ ที่ต้องซื้อในครั้งที่ 2 70,000
อัตราค่าน้ำประปาที่ผ่านมาของประปาปทุมธานี เป็นดังนี้
ระยะเวลา อัตราค่าน้ำประปา (บาท / ลบ.ม.)
11 กันยายน 2541 ถึง 31 ธันวาคม 2541 7.89
1 มกราคม 2542 ถึง 31 ธันวาคม 2542 8.68
1 มกราคม 2543 ถึง 31 ธันวาคม 2543 8.59
1 มกราคม 2544 ถึง 31 ธันวาคม 2544 8.76
1 มกราคม 2545 ถึง 31 ธันวาคม 2545 8.95
1 มกราคม 2546 ถึง 31 ธันวาคม 2546 8.96
1 มกราคม 2547 ถึง 31 ธันวาคม 2547 9.12
1 มกราคม 2548 ถึง 31 ธันวาคม 2548 9.40
1 มกราคม 2549 ถึง 31 ธันวาคม 2549 9.90
1 มกราคม 2550 ถึง 31 ธันวาคม 2550 10.34
1 มกราคม 2551 ถึง 31 ธันวาคม 2551 10.52
นับจากวันที่ 26 มกราคม 2550 ประปาปทุมธานีดำเนินธุรกิจ โดยมีบริษัท บีเจที วอเตอร์ จำกัด (บีเจที) (บริษัทย่อย
ร้อยละ 100 ของประปาปทุมธานี) ทำหน้าที่ผลิตและจ่ายน้ำประปาเพื่อจำหน่ายให้แก่ กปภ.
ขั้นตอนการผลิต
กระบวนกระบวนการผลิตน้ำประปาของบริษัท และประปาปทุมธานีเริ่มต้นด้วยการสูบน้ำดิบเข้าสู่บ่อสูบน้ำดิบ และผ่าน
การกรองด้วยตะแกรงหยาบและตะแกรงขนาดละเอียด จากนั้นน้ำดิบจะเข้าสู่กระบวนการผสมเร็วในบ่อผสมเร็ว เพื่อผสม
สารเคมีอันได้แก่ สารส้ม ปูนขาว ด่างทับทิม และ โพลิเมอร์ เข้ากับน้ำดิบ เพื่อให้เกิดกระบวนการสร้างเม็ดตะกอน
(Coagulation) และจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการตกตะกอนเพื่อพักให้ตกตะกอน (Flocculation) ในถังตกตะกอน และเข้าสู่
กระบวนการกรอง (Gravity Filter) หลังจากนั้น น้ำที่กรองได้จะเข้าสู่กระบวนการเติมคลอรีนเพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อนถูกส่งไป
เก็บไว้ในถังเก็บน้ำใสก่อนจ่ายออกไปยังอาคารสูบส่งน้ำ ซึ่งเป็นอาคารที่ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อส่งน้ำไปยังสถานีจ่ายน้ำใน
พื้นที่ผ่านเครื่องสูบน้ำ
ทั้งนี้ ตะกอนที่แยกได้จากขั้นตอนของกระบวนการตกตะกอนและกระบวนการกรองจะถูกส่งไปยังกระบวนการกำจัด
ตะกอนโดยนำไปรีดน้ำออกและนำกากตะกอนออกไปจากกระบวนการผลิต ทั้งนี้ บริษัทใช้เครื่องรีดตะกอนแบบ Belt Press
ซึ่งมีลักษณะคล้ายสายพาน แต่ประปาปทุมธานีใช้เครื่องรีดตะกอนแบบ Centrifuge ซึ่งเป็นกระบวนการแยกตะกอนโดยใช้
แรงเหวี่ยง ส่วนน้ำที่ได้จากการรีดตะกอนจะถูกนำย้อนกลับเข้าไปในกระบวนการผลิตใหม่ ซึ่งเท่ากับว่า ตลอดกระบวนการ
ผลิตนั้น ไม่มีการปล่อยน้ำกลับลงสู่แหล่งน้ำดิบอีกเลย (Zero Discharge)
โครงสร้างรายได้
บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้หลักจากการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาให้แก่ กปภ. แต่เพียงอย่างเดียว บริษัทเริ่มมี
รายได้จากการประกอบกิจการประปาตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2547 จนกระทั่งวันที่ 20 กรกฎาคม 2547 ซึ่งเป็นระยะเวลา
ก่อนวันเริ่มประกอบกิจการตามสัญญาซื้อขายน้ำประปา (Pre-sale) คิดเป็นรายได้จากการขายน้ำประปาก่อนวันเริ่มประกอบ
กิจการทั้งสิ้นจำนวน 316.57 ล้านบาท และบริษัทเริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการตามกำหนดในสัญญาซื้อขาย
น้ำประปานับตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2547 เป็นต้นมา
ส่วนประปาปทุมธานีเริ่มดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาก่อนวันเริ่มประกอบกิจการ (Pre-sale) ตั้งแต่วันที่ 11
กันยายน 2541 และมีรายได้จากการการจำหน่ายน้ำประปาตามสัญญาให้สิทธิดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาเมื่อ
วันที่ 15 ตุลาคม 2541
นอกจากนี้ บีเจที ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของประปาปทุมธานีมีรายได้ส่วนหนึ่งมาจากการให้บริการดำเนินการบำรุงรักษา
ระบบผลิตน้ำประปาและระบบบำบัดน้ำเสียของนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้และนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร
โครงสร้างรายได้ของบริษัทและบริษัทย่อย(1)
(หน่วย : ล้านบาท)
เฉพาะบริษัท บริษัท และบริษัทย่อย
ปี 2547 ปี 2548 ปี 2549 ปี 2550
รายได้ ร้อยละ รายได้ ร้อยละ รายได้ ร้อยละ รายได้ ร้อยละ
รายได้จากการประกอบกิจการประปา 571.96 64.27 1,356.03 99.69 1,697.80 98.58 2,567.03 97.86
รายได้จากการขายน้ำประปาก่อนวัน 316.58 35.57 - - - - - -
เริ่มประกอบกิจการ(2)
รายได้จากการบริการ(3) - - - - - - 23.04 0.88
รายได้อื่น(4) 1.37 0.15 4.22 0.31 24.39 1.42 33.16 1.26
รวมรายได้ 889.91 100.00 1,360.25 100.00 1,722.19 100.00 2,623.23 100.00
หมายเหตุ :
(1) ข้อมูลโครงสร้างรายได้มาจากงบการเงินจริงของบริษัทและบริษัทย่อย ที่ผ่านการตรวจสอบ โดยสำหรับปี 2547 และปี 2548 มาจากงบการเงินเฉพาะ
ของบริษัท สำหรับปี 2549 มาจากงบการเงินรวมซึ่งจัดทำขึ้นโดยรวมงบการเงินของบริษัทและบริษัทย่อยซึ่งได้แก่ วอเตอร์โฟลว์ สำหรับปี 2550 และ
ไตรมาสที่ 1 ปี 2551 มาจากงบการเงินรวมจัดทำขึ้นโดยรวมงบการเงินของบริษัทและบริษัทย่อย ซึ่งได้แก่ วอเตอร์โฟลว์ ประปาปทุมธานี และบีเจที
(2) รายได้จากการประกอบกิจการประปาตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2547 ถึงวันที่ 20 กรกฎาคม 2547 ของบริษัท
(3) เป็นรายได้จากการให้บริการผลิตน้ำประปาของบีเจทีซึ่งเป็นบริษัทย่อยของประปาปทุมธานีให้แก่อมตะนคร
(4) ส่วนใหญ่เป็นรายได้ดอกเบี้ยรับ
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายและช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์
ในปัจจุบัน บริษัทและประปาปทุมธานี มีลูกค้าเพียงรายเดียวคือ กปภ. ซึ่งเป็นผู้ซื้อน้ำประปาจากบริษัทและประปา
ปทุมธานี ณ สถานีจ่ายน้ำของบริษัทและประปาปทุมธานี โดยกปภ. จะทำการจำหน่ายน้ำประปาที่ซื้อจากบริษัทและประปา
ปทุมธานีให้แก่ผู้ใช้น้ำต่อไป ด้วยการจ่ายน้ำผ่านท่อจ่ายน้ำ (ท่อ LDN) และท่อบริการ
วิธีการคิดน้ำประปาที่บริษัทจำหน่ายให้แก่กปภ. ในแต่ละเดือนจะคำนวณจากปริมาณน้ำประปาที่ได้จำหน่ายในแต่ละ
สถานีจ่ายน้ำ โดยบริษัทและกปภ. ได้มีการติดตั้งมาตรวัดน้ำ 2 ตัวในแต่ละสถานีจ่ายน้ำทุกสิ้นเดือนเจ้าหน้าที่ของ กปภ.
และเจ้าหน้าที่ของบริษัทจะร่วมกันทำการจดมาตรวัดน้ำทั้งสองตัว ณ สถานีจ่ายน้ำแต่ละแห่ง แล้วนำไปหาผลต่างโดย
เทียบกับตัวเลขมาตรวัดน้ำของเดือนที่ผ่านมา หลังจากนั้นจึงนำมาหาค่าเฉลี่ยของปริมาณการใช้น้ำที่คำนวณได้จากมาตร
วัดน้ำทั้ง 2 ตัวในแต่ละสถานีจ่ายน้ำเพื่อคำนวณปริมาณน้ำที่จ่ายให้แก่ กปภ. ของเดือนนั้นๆ แล้วจึงนำปริมาณน้ำจำหน่ายที่
คำนวณได้ของแต่ละสถานีจ่ายน้ำมารวมกันเพื่อคำนวณมูลค่าในการซื้อขายรายเดือนตามราคาที่ตกลงกันในสัญญาซื้อขาย
น้ำประปา
บริษัทจะทำการคิดมูลค่าน้ำประปาที่จำหน่ายให้แก่กปภ.ได้ตามจริงในแต่ละเดือนส่วนต่างของมูลค่าเฉลี่ยของ
ปริมาณน้ำประปาที่จัดส่งให้จริงกับ MOQ สำหรับระยะเวลาดังกล่าว กปภ. จะชำระค่าน้ำประปาเพิ่มให้แก่บริษัท โดยคิด
ตามอัตราค่าน้ำประปาคูณด้วยส่วนต่างข้างต้น ทุกงวดหกเดือน ในเดือนมกราคม และเดือนกรกฎาคม ของทุกปี
ส่วนวิธีการคิดค่าน้ำประปาที่ประปาปทุมธานีจำหน่ายให้แก่กปภ.ในแต่ละเดือนจะคำนวณจากปริมาณน้ำที่ได้จาก
ค่าเฉลี่ยจากการอ่านมาตรวัดน้ำ 2 เครื่องที่ติดตั้งที่แต่ละสถานีจ่ายน้ำคูณกับอัตราค่าน้ำประปาที่ถูกปรับทุกวันที่ 1 มกราคม
ของทุกปี
การจัดหาผลิตภัณฑ์
วัตถุดิบที่สำคัญที่ใช้ในการผลิตน้ำประปา คือ
1. น้ำดิบ
น้ำดิบที่บริษัทใช้ในการผลิตน้ำประปาคือ น้ำจากแม่น้ำท่าจีนตอนกลาง ส่วนประปาปทุมธานีใช้น้ำดิบจากแม่น้ำ
เจ้าพระยาโดยการสูบน้ำเข้าสู่โรงผลิตน้ำ โดยบริษัทสามารถสูบน้ำดิบจากแม่น้ำท่าจีนมาใช้โดยไม่มีต้นทุนค่าใช้จ่ายแต่
อย่างใด ยกเว้นค่าธรรมเนียมในการรับสัมปทานประกอบกิจการประปาสัมปทานละ 200 บาท โดยต้องจ่ายให้แก่กระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในฐานะผู้ให้สัมปทาน นอกจากนี้บริษัทยังต้องจ่ายเงินทดแทนค่าใช้จ่ายของเจ้า
พนักงานผู้ตรวจการของผู้ให้สัมปทานซึ่งต้องจ่ายล่วงหน้าเป็นรายปีเป็นจำนวนเงินปีละ 200 บาทต่อสัมปทาน ทั้งนี้ จากที่
บริษัทได้รับสัมปทาน 2 ฉบับ บริษัทจึงต้องจ่ายเงินทดแทนค่าใช้จ่ายของเจ้าพนักงานผู้ตรวจการของผู้ให้สัมปทานทั้งสิ้น
(ยังมีต่อ)