21 May 2008

) สรุปข้อสนเทศ :TTW (แก้ไขข้อมูลเงินปันผลในตารางสถิติ)

400 บาทต่อปี ในขณะที่ ประปาปทุมธานีต้องเสียค่าธรรมเนียมในการรับสัมปทานประกอบกิจการประปาเป็นจำนวนเงิน 200 บาท โดยต้องจ่ายให้แก่กระทรวงมหาดไทยในฐานะผู้ให้สัมปทาน (ซึ่งต่อมากระทรวงมหาดไทยได้โอนอำนาจหน้าที่ เกี่ยวกับกิจการประปาไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) และเงินทดแทนค่าใช้จ่ายของเจ้าพนักงาน ผู้ตรวจการของผู้ให้สัมปทานซึ่งต้องจ่ายล่วงหน้าเป็นรายปีเป็นจำนวนเงินปีละ 200 บาท โดยประปาปทุมธานีได้ชำระเงิน ทดแทนค่าใช้จ่ายของเจ้าพนักงานผู้ตรวจการของผู้ให้สัมปทานดังกล่าว ล่วงหน้าจนครบจำนวนที่ต้องชำระตลอดอายุ สัมปทาน 25 ปี จำนวนทั้งสิ้น 5,000 บาท เมื่อเดือนมีนาคม 2543 2. สารเคมี สารเคมีหลักที่ใช้ในการผลิตน้ำประปา ได้แก่ - สารส้มน้ำ - ด่างทับทิม - คลอรีนเหลว - ปูนขาว - โพลีอีเล็คโตรไลท์ โดยมีสัดส่วนการใช้สารเคมีในการผลิตแตกต่างกันออกไป แล้วแต่คุณภาพน้ำดิบในแต่ละช่วงเวลาการผลิต โดยจะทำ การทดสอบคุณภาพน้ำดิบเพื่อตรวจสอบคุณภาพน้ำ (Jar test) และคำนวณสัดส่วนสารเคมีที่เหมาะสมตามลักษณะ คุณภาพน้ำดิบ แล้วป้อนข้อมูลอัตราการจ่ายสารเคมีแต่ละชนิดเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมของ SCADA ซึ่งจะทำ ควบคุมการสูบจ่ายสารเคมีในกระบวนการผลิตให้ได้อัตราส่วนที่เหมาะสมตามอัตราการไหลของน้ำดิบที่สูบเข้ามาทำการ ผลิต ประปาปทุมธานีไม่ใช้ด่างทับทิมในกระบวนการผลิตน้ำประปาเนื่องจากคุณลักษณะของน้ำดิบที่แตกต่างกันระหว่างน้ำ ดิบจากแม่น้ำท่าจีนและน้ำดิบจากแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งนี้ น้ำดิบจากแม่น้ำท่าจีนประกอบไปด้วยสารเคมีบางชนิดที่ทำให้น้ำมี สี และด่างทับทิมช่วยกำจัดสารเคมีที่ก่อให้เกิดสีดังกล่าว บริษัททำการเลือกซื้อวัตถุดิบจากผู้จำหน่ายหลากหลาย โดยการเลือกซื้อจากผู้ผลิตที่มีคุณภาพของสินค้าตาม มาตรฐานและได้รับการทดสอบโดยห้องปฏิบัติการทางเคมีของบริษัท และมีความสามารถในการจัดส่งและการสำรองได้ ตามความต้องการของบริษัทอย่างท่วงที และมีราคาต่ำที่สุด ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม บริษัทและประปาปทุมธานีให้ความสำคัญถึงการรักษาสภาพแวดล้อมที่ดี อย่างไรก็ตามจากกระบวนการผลิตน้ำประปา ทำให้เกิดตะกอนจากการผลิต ซึ่งตะกอนดังกล่าวจะถูกส่งไปยังกระบวนการรีดตะกอนโดยการผสมโพลิอีเล็คโตรไลท์ลง ไปทำให้ตะกอนจับตัวกันก่อนที่จะถูกนำไปทิ้งในที่ที่ได้จัดเตรียมไว้ ส่วนน้ำที่ได้จากการรีดจะถูกนำกลับเข้าไปในระบบใหม่ เพื่อผ่านกระบวนการผลิตให้เป็นน้ำประปาอีกครั้งตามกระบวนการแบบ Zero Discharge อนึ่ง ที่ผ่านมา บริษัทและประปาปทุมธานีไม่มีข้อพิพาทและ/หรือถูกฟ้องร้องใดๆ เกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อม บริษัท บริษัทได้ดำเนินการตรวจสอบกากตะกอนเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่องโดยห้องปฏิบัติการที่ได้การรับรองมาตรฐาน ตามลำดับดังนี้ - พ.ศ. 2548 โดยบริษัท บริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จำกัด (มหาชน) (GENCO) ผลการ ตรวจสอบพบว่ากากตะกอนที่เกิดจากการผลิตน้ำประปาของบริษัทไม่จัดอยู่ในประเภทของเสียอันตราย ต่อ สิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด (Hazardous waste) - พ.ศ. 2549 โดยบริษัท เอส พี เอส คอนซัลติ้งเซอร์วิส จำกัด (ห้องปฏิบัติการทดสอบรับรองหมายเลข 0107 จาก สำนักมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) ผลจากการตรวจสอบพบว่ากากตะกอนที่เกิดจากการผลิตน้ำประปาของ บริษัท ไม่จัดอยู่ในประเภทของเสียอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด (Hazardous waste) - พ.ศ. 2550 โดยบริษัท เอส พี เอส คอนซัลติ้งเซอร์วิส จำกัด (ห้องปฏิบัติการทดสอบรับรองหมายเลข 0107 จาก สำนักมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) ผลจากการตรวจสอบพบว่ากากตะกอนที่เกิดจากการผลิตน้ำประปาของ บริษัทไม่จัดอยู่ในประเภทของเสียอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด (Hazardous waste) ในส่วนของกากสารเคมีที่เกิดจากน้ำล้างจากห้องทดลอง ที่ผ่านมา บริษัทได้ว่าจ้างให้บริษัทรับบำบัดสารเคมีที่ได้รับ อนุญาตรับไปกำจัดเป็นครั้งๆ ไป ประมาณปีละ 1 ครั้ง โดยไม่เคยมีการทำสัญญาว่าจ้าง ทั้งนี้ ปริมาณกากสารเคมีที่ต้อง บำบัดต่อปีมีปริมาณน้อยมาก นอกจากนี้บริษัทได้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และยังมีการสนับสนุนและให้ความ ร่วมมือกับหน่วยงานดูแลสิ่งแวดล้อมของภาครัฐและภาคท้องถิ่น ได้แก่ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 5 กระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ. นครปฐม ชมรมเรารักแม่น้ำท่าจีน โดยการร่วมหารือและสนับสนุนการดำเนินการ พัฒนาแบบยั่งยืนในการอนุรักษ์คุณภาพของแม่น้ำท่าจีนให้มีคุณภาพดี เพื่อที่จะทำให้แหล่งน้ำและชุมชนมีสภาพแวดล้อม ที่ดีต่อไป ส่งผลให้บริษัทมีแหล่งน้ำดิบสำหรับการผลิตที่มีคุณภาพตลอดไป ประปาปทุมธานี จากการวิเคราะห์ของบริษัท บริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จำกัด (มหาชน) (GENCO) เมื่อปลายปี 2542 พบว่าตะกอนดินจากกระบวนการผลิตไม่มีสารมีพิษที่ก่อให้เกิดอันตรายแก่สิ่งแวดล้อมเจือปน ทั้งนี้ ประปาปทุมธานี ยกตะกอนดินที่เกิดขึ้นให้แก่บุคคลภายนอกที่ต้องการไปถมที่ดินโดยไม่คิดค่าตะกอนดินหรือค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น สำหรับสารเคมีที่หลงเหลือจากการล้างถังเก็บ ถังเตรียมสารเคมี และน้ำจากห้องทดลอง ในอดีต ประปาปทุมธานีเคย ทำสัญญาปีต่อปีว่าจ้าง GENCO ให้ทำการกำจัดสารเคมีดังกล่าว โดยที่ผ่านมา ประปาปทุมธานีส่งกากสารเคมีให้ GENCO บำบัดประมาณปีละ 1 ครั้ง ปริมาณไม่เกินปีละ 5 ตัน อย่างไรก็ตาม เมื่อสัญญาครั้งสุดท้ายสิ้นสุดลงเมื่อปลายปี 2549 ประปาปทุมธานีไม่ได้ทำสัญญาปีต่อปีกับ GENCO อีก เนื่องจากประปาปทุมธานีและ GENCO พิจารณาแล้วว่ากากสารเคมี ที่ต้องบำบัดไม่ได้อยู่ในรายการสารเคมีควบคุมของกระทรวงอุตสาหกรรมและมีปริมาณไม่มากนักต่อปี ด้วยเหตุนี้ ประปา ปทุมธานีจึงตัดสินใจจะว่าจ้าง GENCO ครั้งต่อครั้งโดยไม่มีการทำสัญญานับแต่นั้นมา สรุปสาระสำคัญของสัญญา สรุปสาระสำคัญของสัญญาที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ ดังนี้ บริษัท 1. สัญญาซื้อขายน้ำประปา (Water Purchase and Sale Agreement) และบันทึกข้อตกลงที่เกี่ยวข้อง คู่สัญญา : การประปาส่วนภูมิภาค และบริษัท วันที่ลงนามในสัญญา : 21 กันยายน 2543 ระยะเวลาตามสัญญา : 30 ปี นับจากวันเริ่มซื้อขายน้ำประปา คือวันที่ 21 กรกฎาคม 2547 วัตถุประสงค์ของสัญญา : กปภ. มีความประสงค์ให้บริษัทผลิตน้ำประปาเพื่อขายให้แก่ กปภ. ในบางพื้นที่ของจังหวัดนครปฐม และจังหวัด สมุทรสาครเพื่อทดแทนระบบผลิตน้ำประปาจากบ่อบาดาลของ กปภ. และเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำประปาให้เพียงพอต่อ การต้องการของผู้บริโภค โดย กปภ.จะซื้อน้ำประปาจากบริษัทเพื่อส่งเข้าสู่ระบบรับน้ำประปาของผู้บริโภคเพื่อขายให้แก่ ผู้บริโภคอีกต่อหนึ่ง และบริษัทตกลงที่จะเป็นผู้ก่อสร้างระบบจ่ายน้ำประปาให้แก่ผู้บริโภคเอง ซึ่งบริษัทตกลงจะเป็นผู้ลงทุน และรับผิดชอบในผลกำไรขาดทุนทั้งหมดแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยที่ระบบผลิตน้ำประปาและระบบจ่ายน้ำประปาเป็น กรรมสิทธิ์ของบริษัทซึ่งไม่ต้องโอนไปยังกปภ. แต่อย่างใด การซื้อขายน้ำประปา : (1) นับแต่วันเริ่มซื้อขายน้ำประปาที่เป็นจริง กปภ. จะต้องซื้อน้ำประปาจากบริษัทซึ่งมีปริมาณโดยรวมรายวันไม่ต่ำกว่า ปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อ ดังนี้ ปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ ระยะเวลาตามสัญญา ระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุด กปภ. ต้องซื้อ (ลบ.ม./วัน) วันเริ่มซื้อขายน้ำประปาที่เป็นจริง ถึง 2 ปีนับจากวันเริ่มซื้อ 21 กรกฎาคม 2547 ถึง 20 200,000 ขายน้ำประปาที่เป็นจริง กรกฎาคม 2549 ปีที่ 2 ถึงปีที่ 4 ปีนับจากวันเริ่มซื้อขายน้ำประปาที่เป็นจริง 21 กรกฎาคม 2549 ถึง 20 250,000 กรกฎาคม 2551 ภายหลังระยะเวลา 4 ปีนับจากวันเริ่มซื้อขายน้ำประปาที่ 21 กรกฎาคม 2551 ถึง 20 300,000 เป็นจริง กรกฎาคม 2577 หากกปภ. ซื้อน้ำประปาในปริมาณที่น้อยกว่าปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อ กปภ. จะชำระเงินสำหรับส่วนขาดจน ครบจำนวนตามปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อ และหาก กปภ. ต้องการเพิ่มปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อภายหลังวัน เริ่มซื้อขายน้ำประปาที่เป็นจริง กปภ. ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้บริษัทล่วงหน้าอย่างน้อย 12 เดือนก่อนวันที่อัตราใหม่ของ ปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อจะมีผลบังคับใช้ หรือภายในระยะเวลาที่น้อยกว่าตามที่บริษัทตกลง แต่ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อต้องไม่ลดลงจากระยะเวลาก่อนหน้านั้น ทั้งนี้ ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม บริษัทไม่มีข้อผูกพันที่ จะต้องดำเนินการเพิ่มปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องจัดส่งให้มากกว่า 320,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือต้องดำเนินการเพิ่ม ปริมาณน้ำประปาในอัตราที่ต่ำกว่า 50,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันในการเพิ่มแต่ละครั้ง (2) หากบริษัทแสดงให้เห็นว่าความต้องการน้ำประปาในพื้นที่ที่กำหนดจะเพิ่มขึ้นเกินกว่า 300,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และ กปภ. เห็นชอบด้วย หรือ กปภ. คาดการณ์ได้เช่นกันกับบริษัท เมื่อบริษัทพิจารณาเห็นว่ามีความคุ้มค่าการลงทุนตาม หลักเศรษฐศาสตร์ที่จะขยายหรือการก่อสร้างระบบผลิตน้ำเพิ่มขึ้นแล้ว คู่สัญญาจะตกลงร่วมกันปรับปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำ ที่จะเพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อตามที่ได้มีการปรับเพิ่มขึ้น และจะตกลงเกี่ยวกับการปรับอัตราค่า น้ำประปา ทั้งนี้ การปรับดังกล่าวข้างต้นจะกระทำหลังจากที่บริษัท ได้รับการสนับสนุนทางการเงินเพื่อการขยายระบบผลิต น้ำประปาตามข้อตกลงดังกล่าวแล้ว แต่หากบริษัทไม่ประสงค์ที่จะดำเนินการขยายหรือก่อสร้างระบบฯเพิ่มขึ้น หรือต้องการ ขยายโดยที่กำลังผลิตต่ำกว่าที่กปภ. ต้องการหรือคู่สัญญาไม่สามารถตกลงร่วมกันในรายละเอียดตามที่กล่าวข้างต้นได้ กปภ. มีสิทธิจัดหาน้ำประปาส่วนเกินที่บริษัทไม่ประสงค์จะดำเนินการ หรือด้วยการให้สิทธิแก่เอกชนรายใดแม้ระยะเวลา ของสัญญานี้จะยังไม่ครบกำหนด แต่กปภ. ไม่สามารถจะซื้อนำประปาจากแหล่งอื่น หรือดำเนินการจ่ายต้ำประปาส่วนเกิน ดังกล่าวได้เว้นแต่ปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่จะต้องซื้อเท่ากับ 300,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือเท่ากับปริมาณกำลังการ ผลิตที่บริษัทตกลงจะขยายเพิ่มขึ้น แล้วแต่กรณี (3) บริษัทจะทำการเฉลี่ยปริมาณน้ำประปาที่บริษัทได้จัดส่งให้ กปภ. จริงทุกรอบระยะเวลา 6 เดือน นับจากวันเริ่มซื้อขาย น้ำประปาที่เป็นจริง หากปรากฏว่ามูลค่าเฉลี่ยของปริมาณน้ำประปาที่จัดส่งให้จริงต่ำกว่าปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อ สำหรับระยะเวลาดังกล่าว (ค่าใช้จ่ายผันแปรที่ประหยัดได้) กปภ. จะชำระค่าน้ำประปาเพิ่มให้แก่บริษัทโดยคิดตามอัตรา ค่าน้ำประปาคูณด้วยส่วนต่างระหว่างปริมาณน้ำประปาที่จัดส่งและปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อสำหรับระยะเวลา 6 เดือน โดยกปภ. จะต้องชำระค่าน้ำประปาส่วนเพิ่มภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ และบริษัทจะทำการบันทึก ค่าใช้จ่ายผันแปร ซึ่งบริษัทใช้จ่ายน้อยลงในช่วงระยะเวลา 6 เดือนดังกล่าว อันเป็นผลจากการที่บริษัทไม่ต้องจัดส่ง น้ำประปาในปริมาณส่วนขาดสำหรับระยะเวลาดังกล่าวโดยคิดคำนวณจากการนำปริมาณส่วนขาดมาคูณด้วยอัตราส่วนลด โดยให้มีการปรับอัตราส่วนลดดังกล่าวเป็นรายปีตามสูตรการคำนวณค่าน้ำประปา และการคำนวณเงินชดเชยตามที่กำหนด ค่าใช้จ่ายผ้นแปรที่ประหยัดได้จะรวมสะสมสำหรับแต่ละระยะเวลา 6 เดือน (หรือส่วนของ 6 เดือนแล้วแต่กรณี) ตลอด ระยะเวลาของสัญญานี้ เมื่อบริษัทชำระหนี้ที่ค้างชำระทั้งหมดให้แก่ผู้สนับสนุนทางการเงินตามสัญญาสนับสนุนทางการเงิน และได้รับการปลด เปลื้องจากภาระหน้าที่ต่างๆ ตามสัญญาดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว บริษัทตกลงให้ กปภ. สามารถนำจำนวนสะสมของค่าใช้จ่าย ผันแปรที่ประหยัดได้มาหักออกจากค่าน้ำประปาที่กปภ. จะต้องชำระให้แก่บริษัท ตามการคำนวณค่าน้ำประปาและการ คำนวณเงินชดเชยตามที่กำหนดไว้ อัตราค่าน้ำประปา : นับจากวันเริ่มซื้อขายน้ำประปาที่เป็นจริง กปภ.จะชำระค่าน้ำประปาให้แก่บริษัท เป็นรายเดือน อัตราค่าน้ำประปาที่เป็น ฐานการคำนวณได้แก่อัตราค่าน้ำประปา ปี พ.ศ. 2542 ในอัตรา 13.900000 บาท ต่อลูกบาศก์เมตรโดยไม่รวม ภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยอัตราดังกล่าวจะปรับราคาทุกวันที่ 1 มกราคม ของแต่ละปีตามสูตรการคำนวณที่กำหนดในสัญญา การต่ออายุสัญญา : สัญญาจะสิ้นสุดเมื่อครบ 30 ปีนับแต่วันเริ่มซื้อขายน้ำประปา อย่างไรก็ตามหากบริษัทต้องการต่ออายุสัญญานี้ก็อาจทำ ได้ด้วยการส่งคำบอกกล่าวเป็นหนังสือให้ กปภ. ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 3 ปีก่อนครบกำหนดตามสัญญานี้ และ กปภ. อาจพิจารณาต่ออายุสัญญาให้บริษัทได้โดยความตกลงร่วมกันทั้งสองฝ่าย ก่อนครบกำหนดระยะเวลาของสัญญานี้ หาก คู่สัญญาไม่สามารถตกลงกันได้จนครบกำหนดระยะเวลาของสัญญาให้ถือว่าสัญญานี้เป็นอันสิ้นสุด การบอกเลิกสัญญา : (1) กปภ. มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้หาก (ก) บริษัทไม่สามารถเริ่มงานได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือ (ข) บริษัทไม่สามารถผลิตน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องจัดส่งได้ และการไม่สามารถดำเนินการได้ดังกล่าวเกิดขึ้นจากสาเหตุ ที่เป็นความผิดหรือความควบคุมของบริษัท หรือ (ค) กำลังของระบบผลิตน้ำลดลงจนทำให้บริษัทไม่สามารถจัดส่งน้ำประปาได้ถึงร้อยละ 70 ของปริมาณน้ำขั้นต่ำที่ ต้องจัดส่งให้ กปภ. อันทำให้ไม่สามารถสนองความต้องการของ กปภ. เกิน 90 วันติดต่อกัน หรือ (ง) ระบบไม่สามารถผลิตน้ำให้มีคุณภาพตามมาตรฐานเกิน 60 วันติดต่อกัน หรือ (จ) บริษัทได้เลิกหรือชำระบัญชี หรือถูกพิทักษ์ทรัพย์ไม่ว่าชั่วคราวหรือเด็ดขาด หรือต้องคำพิพากษาให้ล้มละลาย หรือมีการแต่งตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือกระบวนการที่คล้ายคลึงและผู้ขายไม่ต่อสู้ภายใน 30 วัน หรือ (ฉ) บริษัทผิดข้อสัญญาอันเป็นสาระสำคัญซึ่งกระทบการดำเนินงานของ กปภ. หรือ (ช) บริษัทไม่จัดหาหลักประกันมาเพิ่มเติมให้ครบจำนวนตามกำหนดและบริษัทไม่แก้ไขให้เสร็จภายใน 90 วันนับแต่ ได้รับคำบอกกล่าวจาก กปภ. ยกเว้นกรณีกำลังผลิตลดลงและกรณีคุณภาพน้ำต่ำกว่ามาตรฐานที่บริษัทมีเวลา แก้ไขเพียง 30 วัน นับแต่ได้รับคำบอกกล่าว หากไม่มีการแก้ไขภายในกำหนด ผู้สนับสนุนทางการเงินอาจจัดหา บริษัทผลิตน้ำใหม่มาดำเนินงานแทนผู้ขาย ซึ่งจะทำให้ กปภ. ยังไม่มีสิทธิเลิกสัญญา และบริษัทก็ยังไม่หลุดพ้น ความรับผิดจนกว่าจะได้ชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวให้ กปภ. ครบถ้วนแล้ว อย่างไรก็ตามหากผู้สนับสนุนทางการ เงินไม่จัดหาบริษัทอื่นมาดำเนินงานแทนบริษัท กปภ.มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทันที กปภ. ต้องส่งคำบอกกล่าวเป็นหนังสือแจ้งไปยังบริษัท โดยระบุถึงลักษณะของเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องและแจ้งให้บริษัท ปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาภายในเวลา 90 วันนับแต่เกิดเหตุ เว้นแต่ตามข้อ (ค) และ (ง) ซึ่งต้องแก้ไขให้แล้วเสร็จ ภายในเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำบอกกล่าว หรือในระยะเวลาที่ยาวกว่าตามที่กปภ. เห็นสมควร เมื่อสัญญาสิ้นสุดลงตามเหตุตั้งแต่ (ก) ถึง (ช) ข้อหนึ่งข้อใดและ กปภ. จะชำระเงินให้แก่บริษัทสำหรับมูลค่าของ ระบบผลิตน้ำประปาและระบบจ่ายน้ำประปาให้แก่ผู้บริโภคเท่ากับมูลค่าสุทธิตามบัญชีของระบบผลิตประปา และมูลค่า ที่ยังไม่ได้ตัดค่าเสื่อมของระบบจ่ายน้ำประปาให้แก่ผู้บริโภค หักด้วยกำไรสะสมของรอบระยะเวลาบัญชีของปีก่อนหน้า ภายใน 365 วัน นับจากวันที่สัญญาสิ้นสุดลง กรรมสิทธิ์ในระบบผลิตน้ำประปาและระบบจ่ายน้ำประปาให้แก่ผู้บริโภคจะ โอนไปยัง กปภ. ทั้งนี้ กปภ.ตกลงที่จะรับภาระแทนบริษัทในการจ่ายดอกเบี้ยและเบี้ยปรับซึ่งจะต้องชำระให้แก่ ผู้สนับสนุนทางการเงินตามพันธะแห่งสัญญาดังกล่าวสำหรับระยะเวลาที่เกินกว่า 90 วันนับจากวันที่สัญญาสิ้นสุดลง จนถึงวันครบกำหนดชำระเงินหรือวันที่ กปภ.ชำระเงินแก่บริษัทครบถ้วนแล้วแต่กำหนดเวลาใดจะถึงก่อน (2) บริษัทมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้หาก (ก) กปภ. ละเมิดข้อสัญญาอันเป็นสาระสำคัญ หรือ (ข) หน่วยงานของรัฐเข้ามาขัดขวางหรือแทรกแซงการดำเนินงาน หรือ (ค) กปภ. ผิดนัดชำระเงินหรือ (ง) กปภ. เลิกองค์กรหรือตกเป็นบุคคลล้มละลาย หรือ (จ) กปภ. มีการปรับโครงสร้างองค์กรจากรัฐวิสาหกิจเป็นเอกชน ยกเว้นบริษัทจะได้รับการยืนยันเป็นหนังสือจาก หน่วยงานของรัฐ ผู้มีอำนาจ และจากองค์กรใหม่ที่เกิดขึ้นจากการปรับโครงสร้างองค์กร หรือการแปรรูปดังกล่าว ว่าการเปลี่ยนแปลงใดๆ จะไม่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติตามสัญญา หรือต่อภาระผูกพันต่างๆ ที่ กปภ. มีต่อบริษัท ตามสัญญา เมื่อมีการบอกเลิกสัญญาโดยบริษัท กปภ. ต้องจ่ายค่าชดเชยการเลิกสัญญาให้แก่บริษัทเป็นจำนวนเงินที่ประกอบด้วย เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคงค้าง และส่วนของทุนทั้งหมด รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการโอนระบบผลิตน้ำประปา รวมถึงค่าใช้จ่าย ที่เกี่ยวเนื่องจากการจัดหาเงินทุนของบริษัท และค่าตอบแทนจากทุนที่ชำระแล้วในอัตราร้อยละ 20 ต่อปี สำหรับ ระยะเวลาที่เหลือของสัญญา โดยกรรมสิทธิ์ในระบบผลิตน้ำประปาและระบบจ่ายน้ำประปาให้แก่ผู้บริโภคจะโอนไป ให้แก่กปภ.ทันทีเมื่อมีการจ่ายเงินเต็มจำนวน 2. สัมปทานประกอบกิจการประปาและสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมต่อท้ายสัมปทานประกอบกิจการประปา ฉบับลงวันที่ 20 มีนาคม 2551 ผู้ให้สัมปทาน : กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้รับสัมปทาน : บริษัท วันที่ได้รับอนุญาต : 11 มีนาคม 2548 ระยะเวลาตามสัญญา : 25 ปีนับจากวันที่ได้ลงนามในสัมปทาน วัตถุประสงค์ของสัญญา : เพื่อเป็นการให้สิทธิแก่ผู้รับสัมปทาน ในการทำการประปาและทำการจำหน่ายน้ำประปาได้ภายในเขตท้องที่อำเภอ พุทธมณฑล อำเภอสามพราน อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม และในเขตอำเภอกระทุ่มแบน อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร หรือในเขตท้องที่นอกกว่านั้นตามที่ผู้ให้สัมปทานและผู้รับสัมปทานจะได้ตกลงกันให้ใช้สัมปทาน สิทธิในการซื้อกิจการประปา : (1) เมื่อผู้รับสัมปทานได้ทำการไปได้กึ่งอายุสัมปทานแล้ว รัฐบาลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความประสงค์จะซื้อ กิจการประปาของผู้รับสัมปทานทั้งหมด ผู้ให้สัมปทานมีสิทธิถอนคืนสัมปทานเพื่อซื้อหรืออนุญาตให้องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องซื้อกิจการประปาได้ตามราคาซื้อขายกันในตลาด แต่ต้องแจ้งให้ผู้รับสัมปทานทราบล่วงหน้า 6 เดือน ถ้า ไม่สามารถตกลงราคาซื้อขายกันได้ให้กำหนดโดยอนุญาโตตุลาการ โดยให้ทั้งสองฝ่ายตั้งอนุญาโตตุลาการได้ฝ่ายละคน ถ้าอนุญาโตตุลาการที่ตั้งขึ้นไม่สามารถตกลงกันได้ ก็ให้อนุญาโตตุลาการนั้นเลือกตั้งผู้ชี้ขาดขึ้นคนหนึ่ง บรรดาค่าใช้จ่าย และค่าธรรมเนียมในการตั้งอนุญาโตตุลาการหรือผู้ชี้ขาดให้ออกฝ่ายละครึ่งหนึ่ง (2) เมื่อสัมปทานสิ้นอายุลงหรือต้องเพิกถอน ผู้ให้สัมปทานมีสิทธิที่จะซื้อหรือไม่ซื้อกิจการประปาทั้งหมดจากผู้รับ สัมปทาน ถ้าผู้ให้สัมปทานมีความประสงค์จะซื้อ จะต้องปฏิบัติดังนี้ (ก) ถ้าซื้อเมื่อสิ้นอายุสัมปทาน ผู้ให้สัมปทานต้องแจ้งความจำนงเป็นหนังสือไปยังผู้รับสัมปทานอย่างน้อย 6 เดือน ก่อนสิ้นอายุสัมปทาน (ข) ถ้าซื้อเมื่อสัมปทานต้องเพิกถอน ผู้ให้สัมปทานต้องแจ้งความจำนงเป็นหนังสือไปยังผู้รับสัมปทานภายใน 3 เดือน นับแต่วันเพิกถอนสัมปทาน ถ้าไม่แจ้งภายในกำหนดเวลาดังกล่าวข้างต้น หรือแจ้งว่าไม่ประสงค์จะซื้อกิจการ ประปา ผู้รับสัมปทานมีสิทธิที่จะขายกิจการให้แก่ผู้อื่นได้ กรณีตกลงราคาซื้อขายกันไม่ได้ ให้ตั้งอนุญาโตตุลาการ กำหนดราคาตามที่ระบุในสัมปทาน (3) ถ้าผู้ให้สัมปทานไม่ประสงค์จะซื้อกิจการประปา และผู้รับสัมปทานมีความประสงค์จะดำเนินการต่อไป ผู้รับสัมปทาน ต้องแจ้งความจำนงเป็นหนังสือไปยังผู้ให้สัมปทานอย่างน้อย 3 เดือนก่อนสัมปทานสิ้นอายุ การโอนสัมปทาน : สัมปทานนี้จะโอนไปยังผู้ใดไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ให้สัมปทานเสียก่อน และต้องอยู่ ภายใต้บังคับเงื่อนไขซึ่งผู้ให้สัมปทานจะเห็นสมควรเพื่อยังให้กิจการดำเนินไปโดยเรียบร้อยและมีการจำหน่ายน้ำประปาเป็น ปกติ การเพิกถอนสัมปทาน : 1. ระหว่างอายุสัมปทาน ผู้ให้สัมปทานมีอำนาจเพิกถอนสัมปทานได้ด้วยเหตุหนึ่งเหตุใด ดังต่อไปนี้ (ก) ผู้รับสัมปทานละเลยไม่ก่อสร้างและตั้งโรงงานทำการประปากับเครื่องอุปกรณ์ให้เสร็จภายใน 7 เดือน นับแต่วันที่ ลงนามในสัมปทานนี้ (ข) ผู้รับสัมปทานละเลยไม่จำหน่ายน้ำประปาเป็นเวลาเกินกว่า 3 วัน เว้นแต่การละเลยนั้นจะเกิดจากเหตุสุดวิสัย (ค) ผู้รับสัมปทานละเลยไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ หรือเงื่อนไขข้อหนึ่งข้อใดซึ่งกำหนดไว้ในสัมปทาน หรือต่อท้าย สัมปทาน (ง) เมื่อโรงงานทำการประปา เครื่องอุปกรณ์ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดอันเป็นส่วนสำคัญของกิจการประปานั้นถูกยึดตามคำ พิพากษาของศาล 2. เมื่อสัมปทานนี้ได้กำหนดไว้โดยเฉพาะว่า ให้ผู้ให้สัมปทานมีอำนาจปรับผู้รับสัมปทานในกรณีที่ผู้รับสัมปทานละเลยไม่ ปฏิบัติตามข้อบังคับ หรือเงื่อนไขข้อหนึ่งข้อใดซึ่งกำหนดไว้ในสัมปทาน ผู้ให้สัมปทานจะเพิกถอนสัมปทานนี้ไม่ได้ เว้นแต่ ผู้รับสัมปทานยังคงฝ่าฝืนเป็นเวลาเดือนหนึ่งหรือกว่านั้น ตามแต่ผู้ให้สัมปทานจะเห็นสมควรกำหนด และผู้ให้สัมปทานได้ เตือนผู้รับสัมปทานเป็นหนังสือไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนมีคำสั่งเพิกถอนสัมปทาน ในเมื่อสัมปทานมิได้กำหนดไว้โดยเฉพาะว่า ให้ผู้ให้สัมปทานมีอำนาจปรับผู้รับสัมปทานในกรณีที่ผู้รับสัมปทานละเลย ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับหรือเงื่อนไขข้อหนึ่งข้อใด ซึ่งกำหนดไว้ในสัมปทานนั้น นอกจากกรณีที่ระบุไว้ในข้อ (1) (ข) และ (ง) ผู้ให้สัมปทานจะปรับผู้รับสัมปทานเป็นเงินหนึ่งร้อยบาท และปรับเรียงรายวันอีกวันละห้าสิบบาทตลอดเวลาที่ผู้รับ สัมปทานยังคงฝ่าฝืนอยู่ก็ได้ และผู้ให้สัมปทานจะเพิกถอนสัมปทานไม่ได้ เว้นแต่ผู้รับสัมปทานยังคงฝ่าฝืนอยู่ต่อไป และ ผู้ให้สัมปทานได้เตือนผู้รับสัมปทานเป็นหนังสือดังกำหนดไว้ การคิดราคาน้ำประปา : ให้ผู้รับสัมปทานคิดค่าน้ำประปาจากผู้ใช้น้ำได้ตามรายละเอียดในสัญญาซื้อขายน้ำประปาระหว่างการประปาส่วน ภูมิภาคกับผู้รับสัมปทาน ฉบับลงวันที่ 21 กันยายน 2543 โดยอัตราค่าน้ำประปาซึ่งกำหนดไว้ข้างต้นนั้นอาจเปลี่ยนแปลง ได้ตามเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (ก) ในกรณีที่ค่าใช้จ่ายในการทำน้ำประปาได้เพิ่มขึ้น ผู้รับสัมปทานอาจเพิ่มอัตราค่าจำหน่ายน้ำประปาขึ้นจากอัตราที่ใช้อยู่ ได้ตามส่วนมากและน้อยตามรายละเอียดในสัญญาซื้อขายน้ำประปาระหว่างการประปาส่วนภูมิภาค กับผู้รับสัมปทาน ฉบับ ลงวันที่ 21 กันยายน 2543 (ข) ในกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมิได้เป็นผู้รับสัมปทาน เมื่อสิ้นระยะเวลา 3 ปี นับแต่วันลงนามในสัมปทานนี้ ถ้า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือผู้ใช้น้ำขอร้องมายังผู้ให้สัมปทานให้เปลี่ยนอัตราหรือวิธีคิดค่าน้ำประปา ผู้ให้สัมปทานมี อำนาจจะพิจารณา และถ้าเป็นที่พอใจว่าการเปลี่ยนอัตราค่าน้ำประปาหรือการแก้ไขวิธีคิดค่าน้ำประปานั้นเป็นการสมควร โดยเหตุที่พฤติการณ์อันเป็นบรรทัดฐานที่ได้กำหนดอัตราหรือวิธีการคิดค่าน้ำประปาที่ใช้อยู่นั้นได้เปลี่ยนแปลงไปก็ให้มี อำนาจสั่งเป็นหนังสือให้ใช้อัตราและวิธีคิดค่าน้ำใหม่แทนได้ตามที่ผู้ให้สัมปทานจะเห็นเป็นการยุติธรรมและสมควร คำสั่ง นั้นผู้รับสัมปทานจะต้องปฏิบัติตาม (ค) ถ้าผู้รับสัมปทานประสงค์จะลดอัตราค่าน้ำประปา ก็มีสิทธิจะลดค่าน้ำประปาได้ไม่ว่าในเวลาใด แต่ต้องแจ้งให้ผู้ให้ สัมปทานทราบล่วงหน้า 15 วัน การสิ้นสุดของสัญญา : สัมปทานสิ้นสุดลงในกรณีดังต่อไปนี้ (ก) กรณีสิ้นสุดอายุสัมปทาน 25 ปี โดยไม่มีการต่ออายุ (ข) กรณีผู้รับสัมปทานคืนสัมปทานเมื่อเลิกกิจการ ผู้รับสัมปทานจะต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ให้สัมปทานทราบล่วงหน้าก่อน 6 เดือนเป็นอย่างน้อย และเมื่อผู้รับสัมปทานได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้ให้สัมปทานแล้วจึงจะเลิกกิจการได้ ในกรณี เช่นนี้ให้นำข้อบังคับในหมวด 5 แห่งสัมปทานนี้ ซึ่งว่าด้วยสัมปทานสิ้นอายุและการเพิกถอนสัมปทานมาใช้บังคับโดย อนุโลม (ค) กรณีเมื่อผู้รับสัมปทานได้ทำการไปได้ 12 ปีครึ่งนับแต่วันที่ ได้ลงนามในสัมปทาน (วันที่ 11 มีนาคม 2548) และ รัฐบาลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประสงค์ซื้อกิจการประปาของผู้รับสัมปทานทั้งหมด (ในราคาตลาดหรือราคาที่ อนุญาโตตุลาการกำหนดในกรณีที่ไม่สามารถตกลงราคากันได้) ให้ผู้ให้สัมปทานมีสิทธิถอนคืนสัมปทาน (ง) กรณีเมื่อถูกเพิกถอนสัมปทาน การจ่ายเงินปันผล : การจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิจะกระทำได้ต่อเมื่อมีการกันเงินกำไรสุทธิในอัตราร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิประจำปีไว้ เป็นทุนสำรองแล้ว ส่วนกำไรที่เหลือภายหลังการจ่ายปันผลให้โอนไปบัญชีกำไรสะสม ทุนสำรองนั้นให้ฝากประจำไว้ที่ธนาคาร ถ้ามีจำนวนเกินกว่าร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว บริษัทสามารถเอา เงินจำนวนส่วนที่เกินกว่าร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วไปลงทุนซื้อพันธบัตร หรือตราสารการเงินอื่นเพื่อหา ผลประโยชน์ได้ โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ให้สัมปทานก่อน ค่าธรรมเนียม : ตั้งแต่วันเริ่มทำการจำหน่ายน้ำประปาเป็นต้นไป ผู้รับสัมปทานต้องส่งเงินให้แก่ผู้ให้สัมปทานเพื่อทดแทนค่าใช้จ่าย ของเจ้าพนักงานผู้ตรวจการของผู้ให้สัมปทานในปีหนึ่งตามปฏิทินเป็นอัตราตายตัวในอัตรา 5 บาทต่อหนึ่งลูกบาศก์เมตร ของปริมาณน้ำที่ทำได้เต็มกำลังในหนึ่งชั่วโมง แต่เงินจำนวนนี้จะต้องชำระไม่น้อยกว่า 50 บาท หรือมากกว่า 200 บาทต่อ หนึ่งปี เงินจำนวนนี้จะต้องชำระล่วงหน้าปีละครั้งภายในเดือนธันวาคม ของทุกปี สำหรับในปีแรก จะต้องชำระเงินตาม ส่วนมากและน้อยแห่งปีตามที่เปิดทำการมาแล้วให้แก่ผู้ให้สัมปทาน ทั้งนี้ ให้ชำระภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่ได้เริ่ม จำหน่ายน้ำประปาหรือถ้าหากเวลาที่เปิดทำการยังไม่ทันครบ 3 เดือนก็สิ้นปี ก็ให้ชำระเงินก่อนสิ้นปี 3. สัญญาการบริหารจัดการและการซ่อมบำรุง (Operation and Maintenance Agreement) และสัญญาแก้ไข เพิ่มเติม (ยังมีต่อ)