03 December 2008

) รายการที่เกี่ยวโยงกัน

ในปี 2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีต้นทุนขายน้ำประปาและต้นทุนบริการรวม 780.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 284.66 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 57.37 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2549 โดยต้นทุนขายน้ำประปาและต้นทุนบริการที่ เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนเป็นต้นทุนขายน้ำประปาและบริการของ ประปาปทุมธานี และบีเจที ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2550 ถึงเดือน ธันวาคม 2550 ในงวดเก้าเดือนของปี 2551 บริษัทฯ และบริษัทย่อยบันทึกต้นทุนขายน้ำประปาและต้นทุนบริการจำนวน 867.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 358.69 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 70.53 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยสามารถ อธิบายได้ดังนี้ 1) ในงวดเก้าเดือนของปี 2550 บริษัทฯ ได้บันทึกต้นทุนขายน้ำประปาและต้นทุนบริการของ ประปา ปทุมธานี มารวมเป็นต้นทุนขายน้ำประปาและต้นทุนบริการในงบการเงินรวมเพียงสามเดือนโดยเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2550 ถึงเดือนกันยายน 2550 ซึ่งเป็นเงินจำนวนเพียง 119.60 ล้านบาท 2) ยอดจ่ายน้ำประปาของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจำนวน 12.81 ล้านลบ.ม. หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.96 เมื่อ เปรียบเทียบกับงวดเก้าเดือนของปีก่อน ซึ่งมีผลให้ต้นทุนผลิตน้ำประปาเพิ่มขึ้น 3) ยอดจ่ายน้ำประปาของ ประปาปทุมธานี เพิ่มขึ้นจำนวน 1.0 ลบ.ม. หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.19 เมื่อ เปรียบเทียบกับไตรมาสสามของปีก่อน ซึ่งมีผลให้ต้นทุนผลิตน้ำประปาเพิ่มขึ้น 4) ค่าซ่อมบำรุงของบริษัทฯ และบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นจำนวน 42 ล้านบาท เนื่องจากการย้ายแนวท่อและการ ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ค. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ในปี 2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารรวม 158.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 52.99 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 50.44 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2549 โดยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นทั้งจำนวน เป็นค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของประปาปทุมธานี และบีเจที ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2550 ถึงเดือนธันวาคม 2550 ในงวดเก้าเดือนของปี 2551 บริษัทฯ และบริษัทย่อยบันทึกค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจำนวน 133.59 ล้าน บาท เพิ่มขึ้น 19.66 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.26 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยสามารถอธิบายได้ดังนี้ 1) ในงวดเก้าเดือนของปี 2550 บริษัทฯ ได้บันทึกค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารของ ประปาปทุมธานี มา รวมเป็นค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในงบการเงินรวมเพียงสามเดือนโดยเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2550 ถึงเดือนกันยายน 2550 ซึ่งเป็นเงินจำนวน 22.09 ล้านบาท 2) ในงวดเก้าเดือนของปี 2550 บริษัทฯ มีค่าธรรมเนียมจากการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหุ้นสามัญ ประปาปทุมธานี จำนวน 16.0 ล้านบาท 3) ในงวดเก้าเดือนของปี 2550 ประปาปทุมธานี มีค่าธรรมเนียมจากการกู้ยืมเงินเพื่อก่อสร้างโรงกรองน้ำ แห่งใหม่ จำนวน 4 ล้านบาท ง. ค่าสิทธิในการดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาตัดจำหน่าย ในปี 2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีค่าสิทธิในการดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาตัดจำหน่วยจำนวน 89.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 100 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2549 โดยค่าสิทธิฯ ที่เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนเป็นผลจากการที่บริษัทฯ จ่ายเงินซื้อหุ้นสามัญประปาปทุมธานี ในราคาซื้อสูงกว่ามูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ในการผลิตน้ำประปาของประปาปทุมธานี โดยค่าสิทธิฯ ดังกล่าวจะถูกตัดจำหน่ายปีละ 197 ล้านบาทเริ่มตัดจำหน่ายตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นไป ในงวดเก้าเดือนของปี 2551 บริษัทฯ บันทึกค่าสิทธิในการดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาตัดจำหน่าย จำนวน 146.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.59 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 227.02 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ เริ่มตัดจำหน่ายค่าสิทธิฯ ดังกล่าวในเดือนกรกฎาคม 2550 โดยตัดจำหน่ายไตรมาสละ 49.1 ล้านบาท จ. ดอกเบี้ยจ่าย ในปี 2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีดอกเบี้ยจ่ายรวมจำนวน 637.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 200.62 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.91 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2549 โดยดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนเป็นดอกเบี้ยจ่ายของประปาปทุมธานี ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2550 ถึงเดือนธันวาคม 2550 ในงวดเก้าเดือนของปี 2551 บริษัทฯ และบริษัทย่อยบันทึกดอกเบี้ยจ่ายจำนวน 542.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113.40 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.45 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยสามารถอธิบายได้ดังนี้ 1) ในงวดเก้าเดือนของปี 2550 บริษัทฯ บันทึกดอกเบี้ยจ่ายของ ประปาปทุมธานี มารวมเป็นดอกเบี้ยจ่ายใน งบการเงินรวมสามเดือน คือ เดือนกรกฎาคม ถึงเดือนกันยายน 2550 ซึ่งเป็นเงินจำนวน 54.82 ล้านบาท 2) บริษัทฯ จ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 3,000 ล้านบาท และเงินกู้ยืมระยะยาวจำนวน 753.00 ล้านบาท 3) ประปาปทุมธานี จ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวจำนวน 226.51 ล้านบาท ฉ. ภาษีเงินได้นิติบุคคล ในปี 2550 บริษัทย่อยมีภาษีเงินได้นิติบุคคลรวมจำนวน 14.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.97 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 578.26 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2549 โดยภาษีเงินได้นิติบุคคลที่เพิ่มขึ้นทั้งจำนวนเป็นภาษีเงินได้นิติบุคคลของ บีเจที ตั้งแต่ เดือนกรกฏาคม 2550 ถึงเดือนธันวาคม 2550 ในงวดเก้าเดือนของปี 2551 บริษัทย่อยบันทึกภาษีเงินได้นิติบุคคลจำนวน 4.56 ล้านบาท ลดลง 7.74 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 62.93 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัท บีเจที วอเตอร์ จำกัด (บริษัทย่อยของ ประปา ปทุมธานี) มีรายได้ค่าบริการจาก ประปาปทุมธานี ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ช. กำไรสุทธิรวม ในปี 2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิรวมจำนวน 920.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 245.64 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.42 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2549 โดยกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นเป็นการรวมผลการดำเนินงานของประปาปทุมธานี และ บีเจที ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2550 ถึงเดือนธันวาคม 2550 ในงวดเก้าเดือนของปี 2551 บริษัทฯ และบริษัทย่อยบันทึกกำไรสุทธิรวมจำนวน 968.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285.44 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 41.77 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ และบริษัทย่อย มีรายได้ รวมเพิ่มขึ้นมากกว่าการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน การวิเคราะห์ฐานะการเงิน สินทรัพย์รวม สินทรัพย์รวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยส่วนใหญ่ประกอบด้วยเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดและเงินลงทุน ชั่วคราว ลูกหนี้การค้า ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ สินทรัพย์ในการผลิตน้ำประปาของบริษัทย่อย และค่าสิทธิในการดำเนินการผลิต และจำหน่ายน้ำประปา โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และวันที่ 30 กันยายน 2551 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวม จำนวน 18,681.15 ล้านบาท และ 18,452.31 ล้านบาท ตามลำดับ ก. เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดและเงินลงทุนชั่วคราว ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด และเงินลงทุนชั่วคราว คงเหลือจำนวน 1,522.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 471.02 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.81 เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2549 โดยยอดที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากเงินสดคงเหลือจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่เพิ่มขึ้นในปี 2550 และบริษัทฯ ได้รวมรายการ ดังกล่าวของประปาปทุมธานี และบีเจที จำนวน 228.92 ล้านบาทในการจัดทำงบการเงินรวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดและเงินลงทุนชั่วคราว คงเหลือจำนวน 1,674.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 152.56 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.02 เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2550 โดยยอดที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีเงินสดคงเหลือจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ข. ลูกหนี้การค้า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีลูกหนี้การค้าคงเหลือจำนวน 292.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 75.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 34.51 เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2549 โดยยอดที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทฯ ได้รวม ลูกหนี้การค้าของประปาปทุมธานี และบีเจที จำนวน 106.76 ล้านบาทในการจัดทำงบการเงินรวมและยอดจ่ายน้ำประปาและ อัตราค่าน้ำประปาของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบลูกหนี้การค้าของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และ 2549 ลูกหนี้การค้า ของบริษัทฯ ลดลง 31.66 ล้านบาท โดยลูกหนี้การค้าของบริษัทฯ ลดลงเนื่องจาก ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 บริษัทฯ ได้บันทึก เงินชดเชยจากการที่ กปภ. ซื้อน้ำประปาไม่ถึงปริมาณขั้นต่ำจำนวน 69.3 ล้านบาท ในขณะที่ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทฯ ไม่มีการบันทึกเงินชดเชยดังกล่าว ซึ่งหากขจัดเงินชดเชยดังกล่าวออกไปแล้ว ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 บริษัทฯ จะมีลูกหนี้ การค้าจากการขายน้ำประปาเท่ากับ 148.26 ล้านบาท ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีลูกหนี้การค้าคงเหลือจำนวน 330.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 37.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.91 เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2550 เนื่องจากบริษัทฯ และประปา ปทุมธานี มียอดจ่ายน้ำประปาเพิ่มขึ้นและอัตราค่าน้ำประปาเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ค. ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์คงเหลือสุทธิจำนวน 9,196.86 ล้านบาท ลดลง 159.10 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 1.70 เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2549 โดยยอดที่ลดลงส่วนใหญ่ เกิดจากค่าเสื่อมราคาของบริษัทฯ และบริษัทย่อยจำนวน 288.89 ล้านบาท และซื้อที่ดิน งานระหว่างก่อสร้าง และอุปกรณ์เพิ่มขึ้น จำนวน 116.43 ล้านบาท ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์คงเหลือสุทธิจำนวน 8,992.35 ล้านบาท ลดลงจำนวน 204.51 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 2.22 เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2550 โดยยอดที่ลดลงเกิด จากค่าเสื่อมราคาของบริษัทฯ และบริษัทย่อย จำนวน 250.92 ล้านบาท และซื้ออุปกรณ์และงานระหว่างก่อสร้างเพิ่มขึ้นจำนวน 46.43 ล้านบาท ง. สินทรัพย์ในการผลิตน้ำประปาของ ประปาปทุมธานี ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 สินทรัพย์ในการผลิตน้ำประปาคงเหลือสุทธิจำนวน 4,258.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อย ละ 100 เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2550 โดยยอดที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการที่บริษัทฯ ลงทุนในหุ้นสามัญประปาปทุมธานี ในสัดส่วนร้อยละ 98 ทำให้บริษัทฯ ต้องรวมสินทรัพย์ในการผลิตน้ำประปาของประปาปทุมธานี จำนวน 4,189.09 ล้านบาท ใน การจัดทำงบการเงินรวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 สินทรัพย์ในการผลิตน้ำประปาคงเหลือสุทธิจำนวน 4,168.55 ล้านบาท ลดลง จำนวน 89.66 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 2.11 เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2550 เนื่องจากค่าตัดจำหน่ายสินทรัพย์ใน การผลิตน้ำประปาของ ประปาปทุมธานี จำนวน 174.15 ล้านบาท และงานระหว่างก่อสร้างของ ประปาปทุมธานี เพิ่มขึ้นจำนวน 87.78 ล้านบาท จ. สิทธิในการดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปา ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทฯ มีสิทธิในการดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาคงเหลือสุทธิจำนวน 3,079.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 100 เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2549 โดยยอดที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการที่บริษัทฯ จ่ายเงินซื้อหุ้นสามัญประปาปทุมธานี ในราคาซื้อสูงกว่ามูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ในการผลิตน้ำประปาของประปาปทุมธานี โดยค่าสิทธิฯ ดังกล่าวจะถูกตัดจำหน่ายปีละ 197 ล้านบาทเริ่มตัดจำหน่ายตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2550 เป็นต้นไป ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 บริษัทฯ มีสิทธิฯ คงเหลือสุทธิจำนวน 2,933.28 ล้านบาท ลดลงจำนวน 146.34 ล้าน บาท หรือลดลงร้อยละ 4.75 เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2550 โดยยอดที่ลดลงเนื่องจากบริษัทฯ บันทึกค่าตัดจำหน่าย สิทธิฯ เป็นค่าใช้จ่ายจำนวน 146.34 ล้านบาท โดยสิทธิฯ จะถูกตัดจำหน่ายเป็นค่าใช้จ่ายตลอดอายุคงเหลือของสัญญาฯ ระหว่าง ประปาปทุมธานี และกปภ.หรือปีละ 195 ล้านบาท หนี้สินรวม หนี้สินรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 และวันที่ 30 กันยายน 2551 ส่วนใหญ่เป็นเงิน เบิกเกินบัญชี เงินกู้ยืมระยะสั้น และเงินกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงิน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 97.93 และร้อยละ 98.70 ตามลำดับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีเงินกู้ยืมระยะสั้นและเงินกู้ยืมระยะยาวคงเหลือรวมจำนวน 13,677.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,957.95 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 103.54 เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2549 โดย ยอดที่เพิ่มขึ้นเกิดจากบริษัทฯ กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินจำนวน 3,998.4 ล้านบาทและจ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมจำนวน 700 ล้าน บาท และบริษัทฯ ได้รวมเงินกู้ยืมของประปาปทุมธานี จำนวน 3,659.64 ล้านบาท ในงบการเงินรวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีเงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาวจากสถาบันการเงินจำนวน 9,780.65 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 98.70 ของหนี้สินรวม ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินลดลง 3,897.30 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 28.49 เนื่องจากบริษัทฯ จ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาวจำนวน 3,000 ล้าน บาทและ 753 ล้านบาทตามลำดับ และ ประปาปทุมธานี จ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมจำนวน 226.51 ล้านบาท และเบิกเงินกู้ยืมจำนวน 82.21 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 4,714.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 824.91 ล้าน บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.21 เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2549 โดยยอดที่เพิ่มขึ้นเกิดจากเงินสดรับจากการเสนอขาย หุ้นสามัญจำนวน 40 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 1.20 บาท คิดเป็นเงิน 48.0 ล้านบาท กำไรสุทธิของบริษัทฯ และบริษัทย่อยจำนวน 920.05 ล้านบาท จ่ายเงินปันผลจำนวน 162.50 ล้านบาท และผู้ถือหุ้นส่วนน้อยเพิ่มขึ้นจำนวน 19.36 ล้านบาท ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีส่วนของผู้ถือหุ้นจำนวน 8,543.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 3,828.43 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 81.20 เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2550 เนื่องจากในเดือนพฤษภาคม 2551 ที่ ผ่านมา บริษัทฯ เสนอขายหุ้นสามัญใหม่จำนวน 700 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 4.20 บาทรวมเป็นเงินสุทธิที่ได้รับหลังจากหัก ค่าธรรมเนียมการรับประกันการจัดจำหน่ายจำนวน 2,854.77 ล้านบาท และในระหว่างงวดบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีผลกำไรสุทธิ จำนวน 975.66 ล้านบาท การวิเคราะห์กระแสเงินสด กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน ในปี 2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานจำนวน 983.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 243.57 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.90 เมื่อเปรียบเทียบกับวันที่ 31 ธันวาคม 2549 โดยยอดที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากผลการดำเนินงานที่ดี ขึ้น โดยยอดจ่ายน้ำประปาที่เพิ่มขึ้น อัตราค่าน้ำประปาเพิ่มขึ้นจากปีก่อน และการนำผลการดำเนินงานของประปาปทุมธานี และ บีเจที ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2550 ถึงเดือนธันวาคม 2550 มาจัดทำงบการเงินรวม ในงวดเก้าเดือนของปี 2551 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานจำนวน 1,394.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 803.73 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก 1) ยอดจ่ายน้ำประปาที่เพิ่มสูงขึ้น และการ ปรับอัตราค่าน้ำประปาเพิ่มขึ้นจากปีก่อน และ 2) การรวมกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของประปาปทุมธานีซึ่งบริษัทฯ ได้เริ่ม เข้าลงทุนในเดือนมิถุนายน 2550 เต็มงวด ในขณะที่งวดเก้าเดือนของปี 2550 บริษัทฯ รวมกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ ประปาปทุมธานี เฉพาะไตรมาสสามของปี 2550 เท่านั้น กระแสเงินสดจาก (ใช้ไปใน) กิจกรรมลงทุน ในปี 2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุนจำนวน 4,360.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,261.16 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 296.55 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2549 โดยยอดที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากในปี 2550 บริษัทฯ ลงทุนใน หุ้นสามัญประปาปทุมธานี จำนวน 3,998.4 ล้านบาท ที่ดิน และอุปกรณ์เพิ่มขึ้นจำนวน 101.43 ล้านบาท สินทรัพย์ในการผลิต น้ำประปาฯ เพิ่มขึ้นจำนวน 276.84 ล้านบาท ในขณะที่ปี 2549 เงินลงทุนส่วนใหญ่เป็นลงทุนในหุ้นสามัญวอเตอร์โฟลว์ จำนวน 660.54 ล้านบาท และเงินมัดจำค่าซื้อที่ดินจำนวน 15 ล้านบาท ในงวดเก้าเดือนของปี 2551 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุนจำนวน 54.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จำนวน 3,972.03 ล้านบาท เนื่องจากในเดือนมิถุนายน 2550 บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนใน ประปาปทุมธานี โดยมีมูลค่าเงินสดจ่ายซื้อ จำนวนทั้งสิ้น 3,498.49 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 89.31 ของกระแสเงินสดที่ใช้ไปในกิจกรรมลงทุนในงวดเก้าเดือนของปี 2550 กระแสเงินสดจาก (ใช้ไปใน) กิจกรรมจัดหาเงิน ในปี 2550 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงินจำนวน 3,695.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,367.82 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1,026.77 โดยยอดที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทฯ กู้ยืมเงินจำนวน 3,998.4 ล้านบาทเพื่อซื้อหุ้นสามัญ ประปาปทุมธานี เงินสดรับจากการเสนอขายหุ้นให้พนักงานจำนวน 48 ล้านบาท ชำระคืนเงินกู้ยืม 700 ล้านบาท ในงวดเก้าเดือนของปี 2551 บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกระแสเงินสดใช้ไปในกิจกรรมจัดหาเงินสุทธิ จำนวน 1,044.53 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ประกอบด้วยเงินสดรับจากการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนสุทธิจำนวน 2,854.77 ล้านบาท เบิกเงินกู้ยืมของ ประปาปทุมธานี จำนวน 82.21 ล้านบาท จ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นของบริษัทฯ 3,000 ล้านบาท จ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมระยะ ยาวของบริษัทฯ และประปาปทุมธานี จำนวน 979.51 ล้านบาท และเงินปันผลจ่ายผู้ถือหุ้นส่วนน้อยจำนวน 2.0 ล้านบาท อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ อัตราส่วนสภาพคล่อง อัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio) ของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 ลดลงเมื่อเปรียบเทียบ กับวันที่ 31 ธันวาคม 2549 เนื่องจากในระหว่างปี 2550 บริษัทฯ ได้กู้ยืมเงินระยะสั้นจากสถาบันการเงินจำนวน 3,000 ล้านบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยที่ MLR-0.5% ซึ่งมีผลให้บริษัทฯ รับภาระดอกเบี้ยจ่ายเดือนละ 16 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2550 เป็น ต้นมา อย่างไรก็ตาม ในระหว่างปี 2551 บริษัทฯ และประปาปทุมธานี มีรายได้จากการขายน้ำประปาเพิ่มขึ้น ประกอบกับบริษัทฯ ได้จ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นดังกล่าวครบทั้งจำนวนในเดือนพฤษภาคม 2551 ที่ผ่านมา ทำให้อัตราส่วนสภาพคล่องของ บริษัทฯ และบริษัทย่อย ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 ดีขึ้นตามลำดับ อัตราส่วนแสดงความสามารถในการทำกำไร อัตราส่วนแสดงความสามารถในการทำกำไรโดยรวมของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในปี 2550 ต่ำกว่าปี 2549 เนื่องจาก บริษัทฯ มีภาระดอกเบี้ยจ่ายของเงินกู้ยืมระยะสั้น และค่าสิทธิในการดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาตัดจำหน่าย อย่างไรก็ ตาม ภายหลังจากบริษัทฯ จ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นและบริษัทฯ และประปาปทุมธานี จ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาวใน ระหว่างปี 2550 ประกอบกับบริษัทฯ และบริษัทย่อยมียอดจ่ายน้ำประปาที่เพิ่มขึ้น และอัตราค่าน้ำประปาปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ทำให้อัตราส่วนแสดงความสามารถในการทำกำไรโดยรวมจะกลับขึ้นมาดีขึ้นอีกครั้ง อัตราส่วนแสดงประสิทธิภาพในการดำเนินงาน อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์สำหรับปี 2550 ต่ำกว่าปี 2549 เนื่องจากบริษัทฯ ได้ลงทุนในหุ้นสามัญประปาปทุมธานี ในช่วงกลางปี 2550 และรับรู้ผลการดำเนินงานของประปาปทุมธานีและบีเจทีในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2550 จึงทำให้อัตรา ผลตอบแทนจากสินทรัพย์ในปี 2550 ต่ำลง อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์สำหรับงวดเก้าเดือนของปี 2551 ดีขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ รับรู้ผลการดำเนินงานของประปาปทุมธานี และบีเจทีเต็มปี อัตราส่วนวิเคราะห์นโยบายทางการเงิน อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 สูงกว่าวันที่ 31 ธันวาคม 2549 เนื่องจาก ในระหว่างปี 2550 บริษัทฯ ได้กู้ยืมเงินระยะสั้นจากสถาบันการเงินจำนวน 3,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในเดือนพฤษภาคม 2551 บริษัทฯ ได้จ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นดังกล่าวแล้ว และบริษัทฯ และประปาปทุมธานี จ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมระยะยาว จำนวน 979.51 ล้านบาท ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ณ วันที่ 30 กันยายน 2551 ลดลงกว่า ณ สิ้นปี 2550 15. ข้อมูลอื่นที่อาจมีผลกระทบต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ - ไม่มี - 16. บุคคลที่เกี่ยวโยงกัน และผู้ถือหุ้นที่มีส่วนได้เสียที่ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนล่าสุด ณ วันที่ 20 พฤศจิกายน 2551 ซึ่งเป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นมีดังนี้ สัดส่วนการถือ รายชื่อ ความสัมพันธ์ จำนวนหุ้นที่ถือ หุ้น 1 บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) ผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ 1,408,777,400 35.31% 2 บริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด บมจ. ช.การช่าง เป็นผู้ถือหุ้น 368,750,000 9.24% (มหาชน) รายใหญ่ 15.32 % 3 นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ กรรมการของบริษัทฯ และ 2,997,000 0.08% กรรมการของ ช. การช่าง 4 นายณรงค์ แสงสุริยะ กรรมการของบริษัทฯ และ 2,000,100 0.05% กรรมการของ ช. การช่าง 5 นายประเสริฐ มริตตนะพร กรรมการของบริษัทฯ และ 2,000,100 0.05% กรรมการของ ช. การช่าง 6 ดร.สมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการของบริษัทฯ และ 2,000,100 0.05% กรรมการของ ช. การช่าง 17. การประเมินราคาสินทรัพย์ บริษัทฯ ได้อนุมัติแต่งตั้งให้บริษัท ไทย เอ็มเอ็ม จำกัด ("ไทย เอ็ม เอ็ม") เป็นผู้จัดการโครงการโดยทำการประเมินราคางาน ก่อสร้างส่วนงานโยธาโครงการขยายกำลังการผลิตในวงเงินไม่เกิน 640 ล้านบาท ทั้งนี้ ไทย เอ็ม เอ็ม มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท และเป็นบริษัทที่ปรึกษางานก่อสร้างที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้ ไทย เอ็ม เอ็ม ยังมีส่วนร่วมในการทำโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน โครงการอุโมงค์ส่งน้ำมีนบุรีของการประปานครหลวง โครงการขยายระบบการผลิตน้ำประปาเทศบาลนครราชสีมา ที่ปรึกษางาน ก่อสร้างกรมโยธา สำนักสำรวจและออกแบบกรมทางหลวง และอื่นๆ