16 July 2009
) รายงานความเห็น IFA เกี่ยวกับรายการที่เกี่ยวโยงกันของ TTW
หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มร้อยละ 21.94 สาเหตุหลักที่ค่าใช้จ่ายทางการเงินและดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น คือ บริษัทได้จ่ายชำระคืน
เงินกู้ระยะยาวก่อนกำหนด จำนวน 5,839.8 ล้านบาท มีผลให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมธนาคารในการชำระเงินกู้
หน้าที่ 34 ของจำนวนหน้าทั้งหมด 92 หน้า
รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
ดังกล่าว เป็นจำนวนเงิน 116.8 ล้านบาท และบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายตัวแทนทางการเงิน จำนวน 3.0 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัท
ได้จ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น จำนวน 3,000 ล้านบาทในเดือนพฤษภาคม 2551 เรียบร้อยแล้ว ทำให้บริษัทไม่มีดอกเบี้ยจ่าย
ของเงินกู้ยืมดังกล่าว
กำไรสุทธิ
บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอย่างสม่ำเสมอ โดยมีกำไรขั้นต้นเท่ากับ ร้อยละ 70.8 ร้อยละ 69.9
ร้อยละ 67.4 .และร้อยละ 68.31 ในปี 2549 - 2551 และงวด 3 เดือน ปี 2552 ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ เท่ากับ 674.4 ล้าน
บาท 920.1 ล้านบาท 1,358.4 ล้านบาท และ 305.8 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิ เท่ากับร้อยละ 39.2 ร้อย
ละ 35.1 ร้อยละ 37.3 และร้อยละ 32.0 ตามลำดับ โดยอัตราส่วนกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีเหตุผลตามที่กล่าวไว้ในแต่
ละหัวข้อข้างต้น
ฐานะทางการเงิน
สินทรัพย์
บริษัทมีสินทรัพย์รวมในปี 2549 - 2551 และ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 จำนวน 10,681.9 ล้านบาท 18,681.2 ล้านบาท
17,894.6 ล้านบาท และ 19,063.3 ล้านบาท ตามลำดับ โดยสินทรัพย์ส่ วนใหญ่เป็นรายการสินทรั พย์ไม่หมุนเวียน ซึ่งคิดเป็ น
สัด ส่ว นประมาณร้อ ยละ 83-89 ของสิน ทรัพ ย์รวม สิน ทรั พ ย์ไ ม่ห มุน เวีย นมี การเพิ่ มขึ้ น อย่ งมากในช่ว งปี 2550 จากจำนวน
9,375.3 ล้านบาท ในปี 2549 เป็น 16,538.9 ล้านบาท ในปี 2550 เนื่องจาก บริษัทซื้อหุ้นสามัญของประปาปทุมธานี ในสัดส่วน
ร้อยละ 98 ของทุนชำระแล้ว ซึ่งมีสินทรัพย์หลักได้แก่ สินทรัพย์ในการผลิตน้ำประปาที่ต้องโอนเมื่อสิ้นสุดอายุสัญญาสุทธิ จำนวน
4,258.2 ล้านบาท และสิทธิในการดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาสุทธิ 3,079.6 ล้านบาท สำหรับ ในปี 2551 สินทรัพย์ไม่
หมุนเวียนมีจำนวนลดลงจากปี 2550 คิดเป็นจำนวน 585.3 ล้านบาท สาเหตุเกิดจากการคิดค่าเสื่อมราคาของ ที่ดิน อาคารและ
อุปกรณ์ และการคิดค่าตัดจำหน่ายของสินทรัพย์ในการผลิตน้ำประปาที่ต้องโอนเมื่อสิ้นสุดอายุสัญญาและสิทธิในการดำเนินการ
ผลิตและจำหน่ายน้ำประปา ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 บริษัทมีสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่สำคัญ คือ ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์
สุทธิ สินทรัพย์ในการผลิตน้ำประปาที่ต้องโอนเมื่อสิ้นอายุสัญญาสุทธิ และสิทธิในการดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาสุทธิ
จำนวน 8,853.6 ล้านบาท จำนวน 4,074.2 ล้านบาท และ จำนวน 2,836.1 ล้านบาท ตามลำดับ
บริษัทมีอัตราหมุนเวียนของสินทรัพย์รวมค่อนข้างต่ำ คือ 0.13 เท่า 0.16 เท่า 0.18 เท่า และ 0.19 เท่า ในปี 2549 - 2551
และ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 ตามลำดับ ซึ่งเป็นปกติของธุรกิจสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เนื่องจากใช้เงินลงทุนสูง แต่จะทยอย
รับรู้รายได้ตามระยะเวลาของสัญญา
สำหรับ สินทรั พย์หมุ นเวีย นในปี 2549 - ปี 2551 และ ณ วัน ที่ 31 มีนาคม 2552 มี จำนวน 1,306.6 ล้านบาท จำนวน
2,142.3 ล้า นบาท 1,940.9 ล้ นบาท และ 3,277.9 ล้ นบาท ตามลำดั บ โดยสิน ทรั พย์ห มุน เวีย นที่ สำ คัญได้แ ก่ เงิน สดและ
รายการเทียบเท่าเงินสด เงินลงทุนชั่วคราว เงินฝากธนาคารที่มีภาระผูกพัน และลูกหนี้การค้า ซึ่งได้แก่ กปภ. เป็นหลัก
หนี้สิน
หนี้สินรวมของบริษัท ในปี 2549 - 2551 และ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 มีจำนวนรวม 6,792.1 ล้านบาท 13,966.4 ล้าน
บาท 9,558.2 ล้านบาท และ 10,418.2 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อสินทรัพย์รวมเท่ากับร้อยละ 63.58 ร้อยละ 74.76 ร้อยละ
53.41 และร้อยละ 54.65 ตามลำดับ โดยหนี้สินส่วนใหญ่เป็นหนี้ระยะยาวซึ่งเป็นเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน อย่างไรก็ตามใน
งวด 3 เดือน ปี 2552 บริ ษัทได้ออกหุ้นกู้คิด เป็นจำนวนเงินรวม 7,000 ล้านบาท มีวัตถุ ประสงค์ เพื่อนำมาชำระหนี้ กับสถาบั น
หน้าที่ 35 ของจำนวนหน้าทั้งหมด 92 หน้า
รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
การเงิน ส่ง ผลให้ห นี้สิน ของสถาบัน การเงิน ลดลงจาก 9,309.35 ล้ นบาท ในปี 2551 เป็ น 3,286.40 ล้ นบาท ณ วันที่ 31
มีนาคม 2552
ส่วนของผู้ถือหุ้น
สำหรับส่วนผู้ถือหุ้นของบริษัท ในปี 2549-2551 และ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 มีจำนวน 3,889.9 ล้านบาท 4,714.8
ล้านบาท 8,336.4 ล้านบาท และ 8,645.0 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วนต่อสินทรัพย์รวมเท่ากับร้อยละ 36.42 ร้อยละ 25.24 ร้อย
ละ 46.59 และร้อยละ 45.35 ตามลำดับ ซึ่งส่วนผู้ถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากผลประกอบการของบริษัทที่สามารถทำกำไรได้ทุก
ปี นอกจากนี้ ในปี 2551 บริษัทได้มีการเพิ่มทุน จำนวน 700 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อประชาชน ในราคา 4.20 บาทต่อหุ้น รวม
เป็นมู ลค่า เสนอขายทั้งสิ้ น 2,940 ล้า นบาท ทำ ให้มี ส่วนเกินมู ลค่า หุ้นสุท ธิ (ภายหลังหั กค่า ธรรมเนีย มเกี่ ยวกั บการเสนอขาย
หลักทรัพย์) เพิ่มขึ้นเป็น 2,637.77 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนผู้ถือหุ้น ณ สิ้นปี 2549 - 2551 และ ณ วันที่ 31
มีนาคม 2552 เท่ากับ 1.75 เท่า 2.96 เท่า 1.15 เท่า และ 1.21 เท่า ตามลำดับ ซึ่งถือว่าเป็นอัตราส่วนที่ไม่สูงมากนัก
สภาพคล่อง
กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานเพิ่มขึ้นจาก 740.2 ล้านบาท ในปี 2549 เป็น 1,617.6 ล้านบาท ในปี 2550 และ
เพิ่มขึ้นเป็น 2,695.5 ล้านบาท ในปี 2551 ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากบริษัทมีผลประกอบการเป็นกำไรมาโดยตลอด สำหรับกระแส
เงินสดจากกิจกรรมลงทุน บริษัทใช้กระแสเงินสดโดยการเข้าไปลงทุนในประปาปทุมธานีจำนวนเงิน 3,859.4 ล้านบาท ในปี 2550
สำหรับ กิจ กรรมจั ดหาเงิ น บริ ษัท มีการจั ดหาเงิ นจากการกู้ยื มสถาบันการเงิ นเพื่ อเข้า ลงทุ นในหุ้ นสามัญของประปาปทุม ธานี
จำนวน 3,998.3 ล้านบาท สำหรับในปี 2551 บริษัทมีกระแสเงินสดใช้ไปในกิจกรรมจัดหาเงินสุทธิ 2,828.9 ล้านบาท โดยบริษัท
ได้รับเงินทุนจาการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 2,854.8 ล้านบาท และมีการจ่ายชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นและระยะยาวจำนวน
4,451.2 ล้านบาท รวมทั้งจ่ายเงินปันผลอีกจำนวน 598.5 ล้านบาท
สำหรับอัตราส่วนสภาพคล่อง ณ 31 มีนาคม 2552 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 5.04 เท่าจากปี 2549-2551 ที่เท่ากับ 1.69 เท่า 0.46
เท่า และ 1.43 เท่า ตามลำดับ ซึ่งถือว่าบริษัทอยู่ในเกณฑ์ที่มีสภาพคล่องที่ดี สาเหตุที่อัตราส่วนดังกล่าว ณ 31 มีนาคม 2552
เพิ่มขึ้นอย่างมากเกิดจากการที่บริษัทมีเงินสดเพิ่มขึ้นจากการออกหุ้นกู้
1.6.8 ภาวะอุตสาหกรรมและการแข่งขัน
ประเทศไทยมี พื้น ที่ป ระมาณ 320.70 ล้ นไร่ โดยมีป ระมาณน้ำ ฝนเฉลี่ย ทั้ง ประเทศประมาณ 1,482.37 มม. ทั้ ง นี้
ปริมาณน้ำฝนจะเป็นแหล่งกำเนิดของปริมาณน้ำต่างๆ ในประเทศทั้งในน้ำผิวดิน เช่น แม่น้ำหรือลำธารต่างๆ และน้ำใต้ดิน เช่น
น้ำบาดาล โดยประเทศไทยมีปริมาณน้ำทั้งหมดประมาณ 745,085 ล้าน ลบ.ม. และมีปริมาณน้ำท่า ประมาณ 200,830 ล้าน
ลบ.ม. ซึ่งเป็นแหล่งน้ำที่เกิดขึ้น ในแม่น้ำและลำน้ำต่างๆ ในลัก ษณะธรรมชาติ (Natural Flows) ดังนั้น ประเทศไทยจึงมีความ
จำเป็นต้องมีการจัดการระบบน้ำ ซึ่งสามารถแบ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นพื้นที่ชลประทานประมาณ 60.29 ล้านไร่
หรือ ร้อยละ 18.80 ของพื้นที่ ทั้ง หมด โดยในปี 2551 ได้ มีก รพั ฒนาเป็ นพื้ นที่ช ลประทานแล้ว ประมาณ 28.35 ล้า นไร่ โดยมี
รายละเอียดดังนี้
หน้าที่ 36 ของจำนวนหน้าทั้งหมด 92 หน้า
รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
พื้นที่ที่มี พื้นที่ สัดส่วนพื้นที่
ปริมาณฝน ปริมาณน้ำ ปริมาณน้ำท่า
ลุ่มน้ำ ศักยภาพ ชลประทาน ชลประทานต่อพื้นที่ที่
เฉลี่ย (มม.) (ล้าน ลบ.ม.) (ล้าน ลบ.ม.)
(ล้านไร่) (ล้านไร่) มีศักยภาพ (%)
1. สาละวิน กก ปิง วัง ยม น่าน 1,451.37 185,957.36 45,747.66 10.35 5.12 49.48
2. โขง ชี มูล 1,438.32 252,816.31 48,804.64 28.25 6.22 22.03
3. เจ้าพระยา สะแกกรัง ป่าสัก ท่าจีน 1,155.44 120,301.11 33,120.42 11.93 11.68 97.96
แม่กลอง เพชรบุรี ชายฝั่งทะเล
ตะวันตก
4. ปราจีนบุรี บางปะกง โตนเลสาบ 1,761.80 68,177.18 26,703.53 5.02 2.67 53.17
ชายฝั่งทะเลตะวันออก
5. ภาคใต้ฝั่งตะวันออก ตาปี ทะเลสาบ 1,604.93 117,833.70 46,453.85 4.75 2.65 55.76
สงขลา ปัตตานี ภาคใต้ฝั่งตะวันตก
รวม 1,482.37 745,085.66 200,830.10 60.29 28.35 47.01
ที่มา: ข้อมูลสารสนเทศโครงการชลประทาน ปี 2551 กรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
จากข้อ มูลข้า งต้ นแสดงให้เ ห็น ได้ ว่า ภาคกลางได้มี การพัฒ นาระบบชลประทานเกื อบทั้ง หมดของพื้น ที่ที่ มีศั กยภาพ
ถึงแม้ว่าจะมีปริมาณฝนน้อยกว่าภาคอื่นๆ ทั้งนี้ การบริโภคน้ำในประเทศไทยจะถูกนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และ
ในครัวเรือน โดยอาศัยแหล่งน้ำจากน้ำฝน ระบบชลประทาน หรือระบบน้ำประปา ซึ่งขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้น้ำ
สำหรับน้ำที่สะอาดเหมาะสำหรับการอุปโภคและบริโภค จะต้องมีการปรับปรุงคุณภาพตามกระบวนการน้ำประปา ซึ่ง
ต้องอาศัยแหล่งน้ำจากระบบชลประทาน แม่น้ำ หรือบ่อบาดาล ทั้งนี้ ปัจจุบัน กิจการน้ำประปาของประเทศได้แบ่งให้ การประปา
นครหลวง ("กปน.") เป็นผู้ดูแลในเขตกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ และนนทบุรี และให้การประปาส่วนภูมิภาค ("กปภ.") เป็น
ผู้ดูแลในจังหวัดต่างๆ นอกเขตของ กปน. โดยที่ผ่านมา กปภ. มีผลการดำเนินงานดังนี้
2547 2548 2549 2550
1. จำนวนผู้ใช้น้ำเมื่อสิ้นปี (จำนวนราย) 2,214,103 2,306,962 2,479,776 2,628,470
2. อัตราการเพิ่มตามปกติ (%) 8.88 9.20 8.39 6.85
3. ปริมาณน้ำผลิตจริง (ล้าน ลบ.ม.) 858.07 944.99 1,016.46 1,111.61
4. ปริมาณน้ำผลิตจ่าย (ล้าน ลบ.ม.) 827.11 909.43 981.18 1,077.13
5. ปริมาณน้ำจำหน่าย (ล้าน ลบ.ม.) 606.11 678.09 722.21 794.68
6. อัตราน้ำสูญเสียในระบบจ่าย (%) 26.63 25.26 26.31 26.12
7. เฉลี่ยการใช้น้ำ (ลบ.ม./ราย/วัน) 0.82 0.85 0.84 0.86
ที่มา:รายงานประจำปีของการประปาส่วนภูมิภาคในปี 2550
นอกจากนั้ น บริ ษั ท เอกชนยั ง สามารถผลิ ต นํ้ ประปาได้ โ ดยขอสั ม ปทานจากกรมทรั พ ยากรนํ้ กระทรวง
ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยอาศัยแหล่งน้ำจากน้ำผิวดิน อ่างเก็บน้ำเอกชน แม่น้ำ น้ำทะเล และบ่อบาดาล เพื่อนำไป
ผลิ ต เป็ น น้ำ ประปาเพื่ อ ใช้ ใ นโครงการที่ ไ ด้ รั บ สัม ปทาน ทั้ง นี้ ณ วัน ที่ 27 พฤษภาคม 2552 กรมทรั พ ยากรนํ้ ได้อ นุ ญาตให้
สัมปทานกับบริษัทเอกชนจำนวน 66 ราย ซึ่งสามารถแบ่งตามภูมิภาคและขนาดของระบบประปาได้ดังต่อไปนี้
หน้าที่ 37 ของจำนวนหน้าทั้งหมด 92 หน้า
รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
พื้นที่ ขนาดระบบประปา (แห่ง) กำลังการผลิตรวม อายุสัมปทาน (แห่ง)
(ลบ.ม./วัน)
เล็ก กลาง ใหญ่ รวม 5 ปี 10 ปี 15 ปี 25 ปี รวม
1) ผู้ประกอบการที่ได้รับสัมปทานและอายุของสัมปทานยังไม่ครบกำหนด จำนวน 34 ราย
ภาคเหนือ 2 - - 2 1,988 2 - - - 2
ภาคกลาง 4 4 5 13 1,017,714 5 - - 8 13
ภาคตะวันออก 6 - - 6 6,350 2 - 3 1 6
ภาคอีสาน 1 - - 1 930 1 - - - 1
ภาคใต้ 11 1 12 16,857 10 - 1 1 12
รวม 24 5 5 34 1,043,839 20 - 4 10 34
2) ผู้ประกอบการที่อายุของสัมปทานครบกำหนดแล้ว และอยู่ระหว่างการขอต่อสัมปทานจากคณะรัฐมนตรี จำนวน 32 ราย
ภาคเหนือ 9 1 - 10 10,779 6 3 1 10
ภาคกลาง 17 1 1 19 61,019 1 17 - 1 19
ภาคตะวันออก 1 - - 1 600 - 1 - - 1
ภาคอีสาน - - - - - - - - - -
ภาคใต้ 2 - - 2 1,537 2 2
รวม 29 2 1 32 73,935 1 26 3 2 32
หมายเหตุ : 1. ระบบประปาขนาดเล็ก มีกำลังการผลิตไม่เกิน 3,000 ลบ.ม. / วัน
2. ระบบประปาขนาดกลาง มีกำลังการผลิตระหว่าง 3,001 - 15,000 ลบ.ม. / วัน
3. ระบบประปาขนาดใหญ่ มีกำลังการผลิตมากกว่า 15,000 ลบ.ม. / วัน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มีนิคมอุตสาหกรรมบางรายที่ไม่ได้ดำเนินการผลิตน้ำประปาและให้บริการบำบัดน้ำเสียแก่ผู้ประกอบการ
ในนิคมอุตสาหกรรมด้วยตนเอง แต่ได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนรายอื่นให้เข้ามาดำเนินการแทน เช่น นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ซึ่งได้
ทำ สั ญ ญาว่ จ้ ง บี เ จที ซึ่ ง เป็ น บริ ษั ท ย่ อ ยของประปาปทุ ม ธานี ให้ เ ป็ น ผู้ ผ ลิ ต นํ้ ประปาและให้ บ ริ ก รบำ บั ด นํ้ เสี ย แก่
ผู้ประกอบการในนิคม และนิคมอุตสาหกรรมบางปู ซึ่งได้ทำสัญญาว่าจ้าง บริษัท โกลบอล ยูทิลิตี้ เซอร์วิส จำกัด และบริษัท โก
ลบอล เอ็ น ไวรอนเมนทอล เทคโนโลยี จำ กั ด ให้ เ ป็น ผู้ ผลิ ต น้ำ ประปา และให้ บ ริ ก รบำ บั ดนํ้ เสี ยแก่ ผู้ ป ระกอบการในนิ ค ม
ตามลำดับ เป็นต้น
โครงการการผลิตน้ำประปาของ BLDC ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ภายใต้
การดู แ ลและรั บ ผิ ด ชอบของ กนอ. โดย กนอ. ยั ง ได้ ร่ ว มดำ เนิ น ธุ รกิ จ นิ ค มอุ ต สาหกรรมกั บ ผู้ ป ระกอบการรายอื่ น ในจั ง หวั ด
พระนครศรีอยุธยา เช่น นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) และนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร โดยมีรายละเอียดดังนี้
พื้นที่ขาย/เช่า (ไร่) พื้นที่อุตสาหกรรมที่เหลือ (ไร่) ระบบน้ำ ระบบบำบัด ค่าน้ำ ค่าบำบัดน้ำเสีย
เขตทั่วไป เขตประกอบ เขตทั่วไป เขตประกอบ ประปา/บาดาล น้ำเสีย (บาท/ (บาท/
การเสรี การเสรี (ลบ.ม./วัน) (ลบ.ม./วัน) ลบ.ม.) ลบ.ม.)
1. บางปะอิน 1/ 1,172 166 17.31 10.77 48,000 12,000* 22.50 7.00 - 9.00
2/
2. บ้านหว้า 1,034 592 145.00 - 21,000 16,800 13.50 8.00
3. สหรัตนนคร 3/ 867 - 405.00 - 11,960 16,800 22.00 8.00
หมายเหตุ: * อยู่ระหว่างปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเป็น 18,000 ลบ.ม./วัน
ที่มา : 1/ BLDC
2/ Website ของนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า
3/ Website ของนิคมอุตสาหกรรมสหรัตนคร
หน้าที่ 38 ของจำนวนหน้าทั้งหมด 92 หน้า
รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่า นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และนิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้ามีผู้ประกอบการเข้ามาใช้
พื้นที่เป็นจำนวนมากแล้ว ดังนั้น ความต้องการใช้น้ำในอนาคตของนิคมอุตสาหกรรมดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับการขยายกำลังการผลิต
ของผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมเป็นสำคัญ
1.7 วิธีการชำระเงิน
บริษั ทจะชำระเงิน ให้ แก่ BLDC จำ นวนรวม 1,400 ล้ นบาท (หนึ่ งพั นสี่ ร้อ ยล้ นบาทถ้ วน) โดยแบ่ง ชำ ระ 3 งวดมี
รายละเอียดดังนี้
งวด จำนวนเงิน (ล้านบาท) วันที่ครบกำหนดชำระ
งวดที่ 1 1,000 วันที่ลงนามในสัญญา
งวดที่ 2 200 365 วัน นับจากวันที่ลงนามในสัญญา
งวดที่ 3 200 730 วัน นับจากวันที่ลงนามในสัญญา
รวม 1,400
ทั้งนี้ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 บริ ษัทมีเ งินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเท่ากั บ 2,084.54 ล้า นบาท ซึ่งเพียงพอ
สำหรับการชำระค่าซื้อสิทธิในการดำเนินงานดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนมิถุนายน 2552 บริษัทได้รับข้อเสนอจากสถาบัน
การเงิน 2 ราย ซึ่งให้วงเงินกู้รวม 1,500 ล้านบาท ระยะเวลาชำระคืนเงินต้นประมาณ 10 ปี โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
และกำหนดอัตราดอกเบี้ยโดยอ้ งอิง จากดอกเบี้ยเงิ นฝากบวก Margin และอัตราดอกเบี้ย MLR ลบ Margin ซึ่ งเป็น อัตรา
ดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอัตราตลาด ณ ปัจจุบัน โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาต่อรองกับสถาบันการเงินทั้งสองแห่งดังกล่าว ทั้งนี้
บริษัทได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า ข้อเสนอจากสถาบันการเงินทั้งสองแห่งเป็นข้อเสนอที่มีเงื่อนไขที่ดี บริษัทจึงอาจพิจารณาใช้แหล่ง
เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินทั้งหมด เพื่อชำระค่าซื้อสิทธิในการดำเนินงานให้แก่ BLDC โดยการดำเนินการดังกล่าวจะไม่มีผล
อย่างมีนัยสำคัญต่อสภาพคล่องของบริษัท และไม่เป็นการผิดเงื่อนไขของสัญญาเงินกู้เดิมของบริษัท และหรือเงื่อนไขการรักษา
อัตราส่วนทางการเงินตามที่ได้กำหนดไว้จากการที่บริษัทได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ต่อประชาชนในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2552
หน้าที่ 39 ของจำนวนหน้าทั้งหมด 92 หน้า
รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
2. ความสมเหตุสมผลของรายการ
2.1 วัตถุประสงค์และความจำเป็นในการเข้าทำรายการ
ที่ ป รึ ก ษาทางการเงิ น อิ สระมี ค วามเห็ น ว่ การซื้ อ สิ ท ธิ ใ นการดำ เนิ น งานในนิ ค มอุ ต สาหกรรมบางปะอิ น มี ค วาม
สอดคล้องกับเป้าหมายในการประกอบธุรกิจน้ำประปาของบริษัท เนื่องจากเป็นการขยายพื้นที่บริการจ่ายน้ำประปา จากเดิมที่
จำหน่ายน้ำประปาในพื้นที่ จ.นครปฐม และ จ. สมุทรสาคร ไปสู่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอินใน จ. พระนครศรีอยุธยา ซึ่งจะช่วย
ส่งเสริมภาพลักษณ์ของความเป็นผู้นำในการประกอบกิจการผลิตน้ำประปาภาคเอกชนรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย นอกจากนี้
การซื้อสิทธิในการดำเนินงานดังกล่าว จะช่วยทำให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจน้ำอย่างครบวงจร กล่าวคือ ดำเนินการตั้งแต่ผลิต
น้ำประปา จ่ายน้ำประปา และเรียกเก็บเงินจากลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินได้โดยตรง ซึ่งจะเป็นการ
ขยายขอบเขตการให้บริการที่มากกว่าปัจจุบัน และเป็นการลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิง กปภ. ซึ่งเป็นลูกค้ารายเดียว ได้ในระดับ
หนึ่ง อีกทั้งบริษัทจะได้รับสิทธิให้เป็นผู้ประกอบการในการให้บริการทางด้านบำบัดน้ำเสียแก่ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม
บางปะอิน ซึ่งสอดคล้องกับแนวนโยบายของบริษัทที่ต้องการขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจน้ำประปา ซึ่งการทำ
รายการนี้ จะเป็น จุ ดเริ่ม ต้ นและช่ วยเปิด โอกาสให้ แ ก่บ ริ ษัท ในการขยายขอบเขตการให้ บ ริก รไปสู่ ลู กค้ ภาคเอกชนโดยตรง
นอกจากนี้ การทำรายการนี้จะทำให้บริษัทมีรายได้จากการประกอบธุรกิจเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มเสถียรภาพด้านรายได้ในระยะ
ยาว เนื่องจากได้รับสิทธิในการดำเนินงานที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอินเป็นเวลา 30 ปี โดยบริษัทจะสามารถนำประสบการณ์
และความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานผลิตน้ำประปามาใช้ในการดำเนินงานที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอินให้ประสบความสำเร็จ
ได้เช่นเดียวกัน
2.2 เปรียบเทียบข้อดี ข้อด้อยระหว่างการเข้าทำและไม่เข้าทำรายการ
ข้อดี ข้อด้อยของการเข้าทำรายการ
ข้อดีของการเข้าทำรายการ
1. เปิดโอกาสให้บริษัทขยายขอบเขตของการดำเนินธุรกิจ
ในอดีตที่ผ่านมา บริษัทและประปาปทุมธานีประกอบธุรกิจผลิตน้ำประปาเพื่อจำหน่ายให้แก่ กปภ. โดย กปภ. จะเป็นผู้
จำหน่ายน้ำประปาดังกล่าวให้แก่ผู้ใช้น้ำโดยตรงผ่านระบบจำหน่ายน้ำของ กปภ. ซึ่งเปรียบเสมือนบริษัทและประปาปทุมธานีเป็น
เพียงผู้ รับจ้างผลิตนํ้ ประปาให้แ ก่ กปภ. แต่ก รที่บ ริษัทจะเข้าทำสัญญาซื้อสิท ธิในการดำเนิ นงานในครั้ง นี้ จะเป็นจุด เริ่มต้ น
สำหรับบริษัทในการขยายขอบเขตไปสู่การประกอบธุรกิจขายน้ำประปาอย่างครบวงจร กล่าวคือ ตั้งแต่ผลิตน้ำประปา จำหน่าย
น้ำประปา รวมทั้งการเรียกเก็บค่าขายน้ำประปากับลูกค้าภาคเอกชนโดยตรง รวมทั้งเป็นการขยายขอบเขตพื้นที่ของการให้บริการ
ซึ่งแต่เดิม บริษัทและประปาปทุมธานีให้บริการน้ำประปาอยู่ในพื้นที่ จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร และ จ.ปทุมธานีเท่านั้น แต่การได้
สิ ท ธิ ใ นการดำ เนิ น งานนี้ จ ทำ ให้ บ ริ ษั ท สามารถขยายบริ ก รไปให้ แ ก่ ผู้ ป ระกอบการในนิ ค มอุ ต สาหกรรมบางปะอิ น ใน จ.
พระนครศรีอยุธยาด้วย นอกจากนี้ ยังเป็นการเปิดโอกาสให้บริษัทเข้าสู่ธุรกิจใหม่ คือ ธุรกิจให้บริการบำบัดน้ำเสียแก่ลูกค้าในนิคม
อุตสาหกรรมบางปะอิน ซึ่งการซื้อสิทธิในการดำเนินงานในครั้งนี้จะเป็นแนวทางและช่วยเปิดโอกาสทางธุรกิจให้แก่บริษัทในการที่
จะเข้าไปบริหารจั ดการธุรกิจผลิตนํ้ ประปาและให้บ ริการบำ บัดน้ำเสีย ให้แก่นิค มอุตสาหกรรมแห่ งอื่นๆ และหรือในพื้นที่อื่น ๆ
ต่อไปในอนาคต
หน้าที่ 40 ของจำนวนหน้าทั้งหมด 92 หน้า
รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
2. มีรายได้เพิ่มมากขึ้นและเพิ่มเสถียรภาพด้านรายได้ในระยะยาว
การที่บริษัทซื้อสิทธิในการดำเนินงานจาก BLDC ในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีรายได้เพิ่มสูงขึ้นจากการจำหน่ายน้ำประปา
และให้บริการบำบัดน้ำเสียที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน โดยในระหว่างปี 2549 - 2551 รายได้จากการจำหน่ายน้ำประปาและ
ให้บริการบำ บัดน้ำเสียในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน มีมูลค่ารวมประมาณ 142.77 ล้านบาท 162.03 ล้านบาท และ 169.62
ล้า นบาท ตามลำ ดับ ซึ่ งรายได้ ที่เ พิ่ม ขึ้น นี้จ ช่ วยเพิ่ มกระแสเงิ นสดและเพิ่ มผลกำไรต่ อหุ้ นของบริ ษัท ให้ เพิ่ มสู งขึ้ นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลง และมีความไม่แน่นอน ดังนั้น ตัวเลขที่แสดงข้างต้น
(ยังมีต่อ)