16 July 2009
0) รายงานความเห็น IFA เกี่ยวกับรายการที่เกี่ยวโยงกันของ TTW
รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
2552 มีจำนวนอยู่ระหว่าง 1.16 บาทต่อลบ.ม. ถึง 1.23 บาทต่อลบ.ม. ในขณะที่ในรายงานการตรวจสอบเชิงวิศวกรรม
ได้ประมาณการค่าไฟฟ้าเฉลี่ยเท่ากับ 1.05 บาทต่อลบ.ม. ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงกว่าข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงของ BLDC แต่ต่ำ
กว่าข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงของประปาปทุมธานี ทั้งนี้ บริษัท และ BLDC ได้ชี้แจงไปในทิศทางเดียวกันว่า ค่าประมาณการ
ดังกล่าวมีความเหมาะสมและมีความเป็นไปได้ โดยสาเหตุที่ค่าไฟฟ้าของประปาปทุมธานีมีจำนวนสูงกว่า เนื่องจาก
ประปาปทุ ม ธานี ต้ อ งใช้ กำ ลั ง ไฟฟ้ ในการส่ ง และจ่ ยนํ้ ประปาให้ แ ก่ ผู้ ใ ช้นํ้ ที่ อ ยู่ ใ นพื้ น ที่ ป ทุ ม ธานี -รั ง สิ ต ทั้ ง หมด
ในขณะที่ระบบจ่ายน้ำประปาของ BLDC จะครอบคลุมเพียงพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินเท่านั้น จึงน่าจะใช้
ไฟฟ้าน้อยกว่า ด้วยเหตุนี้ ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระจึงกำหนดให้ค่าไฟฟ้าในปี 2552 เท่ากับ 1.05 บาทต่อลบ.ม. และ
ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ตลอดระยะเวลาประมาณการ ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตเฉลี่ยของ CPI ทั้งนี้
โดยปกติ ค่าไฟฟ้าต่อหน่วยจะเปลี่ยนแปลงตามค่า FT ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะเป็นผู้กำหนด โดยเมื่อพิจารณาค่า
FT ต่อหน่วยในเดือนธันวาคมของปี 2549 - 2551 จะพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงทุกปี จาก 0.7842 บาทในปี 2549 เป็น
0.6611 บาท และ 0.7770 บาท ในปี 2550 และ 2551 ตามลำดับ โดยคิดเป็นอัตราลดลงเฉลี่ยประมาณร้อยละ 0.46
ต่อปี ซึ่ง BLDC ได้ชี้แจงว่าสาเหตุที่ค่า FT มีจำนวนลดลงเนื่องจาก BLDC มีการใช้กระแสไฟฟ้าในช่วงชั่วโมงไม่เร่งด่วน
ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามหลักระมัดระวัง ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระจึงกำหนดให้ค่าไฟฟ้าปรับเพิ่มขึ้นตามอัตราเติบโต
เฉลี่ยของ CPI เหมือนค่าใช้จ่ายประเภทอื่น
3) ค่าอะไหล่และวัสดุสิ้นเปลือง และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการผลิตน้ำอื่นๆ เช่น ค่าใช้จ่ายในการขนย้ายตะกอน
ซึ่งได้แก่ ค่าเช่ารถ/เครื่องมือหนัก และค่าน้ำมัน เป็นต้น ทั้งนี้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเป็น
ประจำ ดังนั้น การพิจารณาค่าใช้จ่ายส่วนนี้ในบางเดือนหรือบางช่วงเวลาอาจไม่เหมาะสมและอาจไม่สะท้อนค่าใช้จ่าย
ที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระจึงจะพิจารณาค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จากข้อมูลเฉลี่ยที่เกิดขึ้นจริงในปี 2551
อย่ งไรก็ ต ม ที่ ป รึ ก ษาทางการเงิ น อิ สระไม่ สามารถรวบรวมข้ อ มู ลเพื่ อ แยกรายละเอี ย ดของค่ ใช้ จ่ ยในส่ ว นนี้
เนื่อ งจาก BLDC และประปาปทุมธานี ได้บั นทึ กค่า ใช้ จ่ายส่วนนี้รวมกั บค่ ใช้ จ่า ยส่ว นอื่ น กล่า วคือ BLDC ได้บั นทึ ก
ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้รวมกับค่าสารเคมี ซึ่งมีจำนวนรวมประมาณ 0.20 บาทต่อลบ.ม. โดยค่าใช้จ่ายส่วนนี้มีจำนวนตํ่
มากเนื่องจากเดิมใช้วิธีสูบน้ำดิบจากน้ำบาดาล ทำให้มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสารเคมีน้อยมาก ส่วน ประปาปทุมธานี ได้
บันทึกค่าใช้จ่ายในส่วนนี้รวมกับค่าแรงและค่าซ่อมบำรุง ซึ่งในปี 2551 มีจำนวนรวม 0.63 บาทต่อลบ.ม. แต่ในช่วงไตร
มาสที่ 4 ปี 2551 และไตรมาสที่ 1 ปี 2552 จะมีจำนวนรวมเท่ากับ 0.44 บาทต่อลบ.ม. เท่ากัน ในขณะที่ในรายงานการ
ตรวจสอบเชิงวิศวกรรม ได้ประมาณการค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เฉลี่ยเท่ากับ 0.25 บาทต่อลบ.ม. และได้แยกค่าซ่อมบำรุง
ออกเป็นต้นทุนคงที่ จำนวน 2.46 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม ตามร่างสัญญาให้สิทธิดำเนินงาน ได้กำหนดค่าชดเชย
ค่ากำไรผันแปรจากการขายน้ำประปาสำหรับในกรณีที่โรงผลิตไฟฟ้า (SPP) เริ่มเปิดดำเนินกิจการล่าช้ากว่าที่กำหนด
โดยคิดต้นทุนผันแปรในส่วนของค่าใช้จ่ายนี้เท่ากับ 0.27 บาทต่อลบ.ม. ดังนั้น เพื่อให้หลักการคิดต้นทุนสอดคล้องกัน ที่
ปรึกษาทางการเงินอิสระจึงกำหนดให้ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ เท่ากับ 0.27 บาทต่อลบ.ม. ในปี 2552 และปรับเพิ่มขึ้นใน
อัตราร้อยละ 3 ต่อปี ตลอดระยะเวลาประมาณการ ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตเฉลี่ยของ CPI
จากสมมติฐานต้ นทุนผันแปรของระบบผลิตน้ำ ประปาตามที่ก ล่าวข้างต้น คิ ดรวมเป็นต้นทุ นผันแปรเท่ากั บ
1.95 บาทต่ อ ลบ.ม. ในปี 2552 และจะปรั บ เพิ่ ม ขึ้ น ในอั ต ราร้ อ ยละ 3 ต่ อ ปี ตลอดระยะเวลาประมาณการ ตาม
สมมติฐานที่กำหนดไว้ข้างต้น นอกจากนี้ เนื่องจากในร่า งสัญญาให้สิทธิดำเนินงานได้ กำหนดว่า บริษัทจะให้บริการ
หน้าที่ 60 ของจำนวนหน้าทั้งหมด 92 หน้า
รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
น้ำประปาที่จ่ายให้แก่อาคารหรือสำนักงานของ BLDC และอาคารหรือสำนักงานของ กนอ. หรือเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่
ภายในนิ คมอุ ตสาหกรรม ในปริมาณต่อ ปีไม่ เกิน 25,000 ลบ.ม. โดยถื อเป็ นส่ว นหนึ่ งของค่า ตอบแทนที่ชำ ระให้แ ก่
BLDC ดังนั้น จึงกำหนดให้คิดต้นทุนผันแปรตามจำนวนที่กล่าวข้างต้นสำหรับปริมาณน้ำประปาจำนวน 25,000 ลบ.ม.
ต่อปี ตลอดระยะเวลาประมาณการ ซึ่งบริษัทไม่ได้รับรู้รายได้ของปริมาณน้ำดังกล่าว
2.2 ต้นทุนคงที่
ต้นทุนคงที่ ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ค่าซ่อมบำรุงท่อและมิเตอร์ ค่าซ่อมใหญ่เครื่องจักร ค่าเช่า
พื้นที่และค่าขอใบอนุญาต ซึ่งมีรายละเอียด สรุปได้ดังนี้
1) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ซึ่งได้แก่ เงินเดือน โบนัส สวัสดิการพนักงาน และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน
อื่นๆ ของพนักงานที่เกี่ยวข้องระบบผลิตและจำหน่ายน้ำประปา โดยในปี 2551 BLDC มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานใน
ระบบผลิตน้ำประปา เท่ากับ 4.13 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 6.49 เมื่อเทียบกับปี 2550 อย่างไรก็ตาม ใน
รายงานการตรวจสอบเชิงวิศวกรรม ได้ประมาณการจำนวนพนักงานในส่วนนี้เท่ากับ 13 คน คิดเป็นค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น
4.77 ล้านบาทต่อปี ดังนั้น จึงกำหนดให้ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเฉลี่ยในปี 2552 เท่ากับ 4.77 ล้านบาทต่อปี (โดยคิด
ตามสัดส่วนของระยะเวลาที่บริษัทดำเนินงาน คือ 4 เดือน (กันยายน-ธันวาคม 2552)) และปรับเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ
5.50 ต่ อปี ตลอดระยะเวลาประมาณการ ซึ่ง เป็ นอั ตราเติบ โตที่ใ กล้ เคี ยงกั บอั ตราเติบ โตเฉลี่ย ของค่ ตอบแทนของ
พนักงานของบริษัทในช่วงปี 2549 - 2551 ซึ่งมีอัตราเติบโตเฉลี่ยเท่ากับร้อยละ 5.67 ต่อปี
2) ค่าซ่อมบำรุงท่อและมิเตอร์ ในรายงานการตรวจสอบเชิงวิศวกรรมได้ประมาณการมูลค่าการลงทุนติดตั้ง
ท่อและมิเตอร์ไว้เท่ากับ 61.385 ล้านบาท ทั้งนี้ ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้ประมาณการค่าซ่อมบำรุงท่อและมิเตอร์
จากประมาณการมูลค่าเงินลงทุนดังกล่าว ภายใต้สมมติฐานอายุการใช้งานของท่อและมิ เตอร์ไว้เท่ากั บ 25 ปี จะได้
ประมาณการค่าซ่ อมบำรุง ท่อ และมิเตอร์เ ฉลี่ย เท่า กับ 2.46 ล้านบาทต่อปี ดัง นั้น จึง กำหนดให้ค่า ซ่อมบำรุ งท่อ และ
มิเ ตอร์ ใ นปี 2552 เท่า กั บ 2.46 ล้า นบาทต่อ ปี (โดยคิ ด ตามสัด ส่ วนของระยะเวลาที่ บ ริ ษัท ดำเนิ นงาน คื อ 4 เดื อ น
(กันยายน-ธันวาคม 2552)) และปรับเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ตลอดระยะเวลาประมาณการ ซึ่งใกล้เคียงกับอัตรา
การเติบโตเฉลี่ยของ CPI
3) ค่าซ่อมใหญ่เครื่องจักร ในรายงานการตรวจสอบเชิงวิศวกรรมได้ประมาณการค่าซ่อมใหญ่ของเครื่องจักร
ในระบบผลิตและจำหน่ายน้ำประปาไว้เท่ากับ 1.74 ล้านบาท โดยกำหนดให้มีค่าซ่อมใหญ่เครื่องจักรเป็นเวลาทุกๆ 5 ปี
ของการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากระบบผลิตน้ำประปาเพิ่งเริ่มดำเนินการในปี 2552 ดังนั้น จึงกำหนดให้เริ่มมี
ค่าซ่อมใหญ่เครื่องจักรในปี 2557 โดยให้คิดจากมูลค่าตั้งต้นที่ 1.74 ล้านบาทในปี 2552 และปรับเพิ่มขึ้นในอัตราร้อย
ละ 3 ต่อปี ตลอดระยะเวลาประมาณการ ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตเฉลี่ยของ CPI
4) ค่าเช่าพื้นที่และค่าขอใบอนุญาต บริษัทมีความจำเป็นต้องมีการเช่าพื้นที่เพื่อวางท่อให้เชื่อมต่อระหว่าง
สถานีสูบน้ำและโรงผลิตน้ำประปา รวมทั้งต้องมีการขอต่อใบอนุญาตเพื่อใช้น้ำบาดาล เพื่อเตรียมรองรับในกรณีที่ขาด
แคลนแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยกำหนดให้ค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เท่ากับ 0.36 ล้านบาทในปี 2552 (โดยคิดตามสัดส่วนของ
ระยะเวลาที่บริษัทดำเนินงาน คือ 4 เดือน (กันยายน-ธันวาคม 2552)) และปรับเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ตลอด
ระยะเวลาประมาณการ ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตเฉลี่ยของ CPI
3. ต้นทุนค่าบริการบำบัดน้ำเสีย
หน้าที่ 61 ของจำนวนหน้าทั้งหมด 92 หน้า
รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
ที่ผ่านมา BLDC ให้บริการบำบัดน้ำเสียแก่ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน ด้วยขีดความสามารถสูงสุด
12,000 ลบ.ม.ต่อวัน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน BLDC อยู่ระหว่างปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ
เป็น 18,000 ลบ.ม.ต่อวัน โดยคาดว่าการปรับปรุงดังกล่าวจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2552 ดังนั้น
โครงสร้างต้นทุนการให้บริการในอดีตของ BLDC อาจไม่สามารถนำมาใช้เปรียบเทียบได้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น ที่ปรึกษา
ทางการเงินอิสระจึงได้พิจารณาต้นทุนค่าบริการบำบัดน้ำเสีย โดยอ้างอิงจากรายงานการตรวจสอบเชิงวิศวกรรมเป็น
หลัก ซึ่งสามารถแบ่งต้นทุนค่าบำบัดน้ำเสีย ออกเป็น ต้นทุนผันแปร และต้นทุนคงที่ โดยมีรายละเอียดดังนี้
3.1 ต้นทุนผันแปร
ต้นทุนผันแปร ประกอบด้วย ค่าไฟฟ้า ค่าสารเคมี ค่าอะไหล่และวัสดุสิ้นเปลือง และต้นทุนในการบำบัดน้ำเสียอื่นๆ
ซึ่งมีรายละเอียด สรุปได้ดังนี้
1) ค่าไฟฟ้า BLDC มีค่าไฟฟ้าในระบบบำบัดน้ำเสียในปี 2550 ถึงงวด 5 เดือนแรกปี 2552 เฉลี่ยเท่ากับ 1.02
บาทต่อ ลบ.ม. 1.09 บาทต่อ ลบ.ม. และ 0.96 บาทต่อลบ.ม. ตามลำดับ อย่างไรก็ต ม เมื่ อระบบบำบั ดน้ำเสียมีขี ด
ความสามารถเพิ่มเป็น 18,000 ลบ.ม.ต่อวัน คาดว่าจะมีการใช้ไฟฟ้าทั้งระบบเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงกำหนดให้ค่าไฟฟ้ามี
จำนวนเท่า กับจำ นวนที่ ประมาณการไว้ ในรายงานการตรวจสอบเชิงวิศ วกรรม คื อ เท่ กับ 1.71 บาทต่อลบ.ม. และ
กำหนดให้ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ตลอดระยะเวลาประมาณการ ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตเฉลี่ยของ
CPI ตามเหตุผลเดียวกันกับที่อธิบายไว้ในส่วนค่าไฟฟ้าของต้นทุนผันแปรของต้นทุนขายน้ำประปา
2) ค่าสารเคมี ที่ใ ช้ในการบำ บัด น้ำเสีย ซึ่ง ได้ แก่ คลอรีน ทั้ งนี้ ในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่ นมา BLDC ไม่ มีค่ ใช้ จ่า ย
เกี่ยวกับสารเคมีในการบำบัดน้ำเสีย เนื่องจากน้ำเสียที่เข้ามาในระบบมีคุณภาพค่อนข้างดี อย่างไรก็ตาม ในรายงาน
การตรวจสอบเชิงวิศวกรรม ได้ประมาณการค่าสารเคมีเฉลี่ยเท่ากับ 0.06 บาทต่อลบ.ม. ดังนั้น เพื่อเป็นไปตามหลักการ
ระมัดระวัง จึงกำหนดให้มีค่าสารเคมีเท่ากับ 0.06 บาทต่อลบ.ม. ในปี 2552 และกำหนดให้ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ
3 ต่อปี ตลอดระยะเวลาประมาณการ ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตเฉลี่ยของ CPI
3) ค่าอะไหล่และวัสดุสิ้นเปลือง และต้นทุนในการบำบัดน้ำเสียอื่นๆ เช่น ค่าใช้จ่ายในการขนย้ายตะกอน ซึ่ง
ได้แก่ ค่าเช่ารถ/เครื่องมือหนัก และค่าน้ำมัน เป็นต้น โดยในปี 2551 BLDC มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้คิดเป็นประมาณ 0.10
บาทต่อลบ.ม. อย่า งไรก็ตาม ในรายงานการตรวจสอบเชิ งวิศวกรรม ได้ประมาณการค่ ใช้จ่ายในส่วนนี้เฉลี่ยเท่ากั บ
0.27 บาทต่อลบ.ม. เนื่องจากระบบบำบัดน้ำเสียมีอายุการใช้งานมาเป็นเวลานานแล้ว จึงอาจต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
เพิ่มขึ้น ดังนั้น เพื่อเป็นไปตามหลักการระมัดระวัง จึงกำหนดให้มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เท่ากับ 0.27 บาทต่อลบ.ม. ในปี
2552 และกำหนดให้ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ตลอดระยะเวลาประมาณการ ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการเติบโต
เฉลี่ยของ CPI
จากสมมติฐานต้นทุนผันแปรของระบบบำบัดน้ำเสียตามที่กล่าวข้างต้น คิดรวมเป็นต้นทุนผันแปรเท่ากับ 2.04
บาทต่อลบ.ม. ในปี 2552 และจะปรับเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ตลอดระยะเวลาประมาณการ ตามสมมติฐานที่
กำหนดไว้ข้างต้น
3.2 ต้นทุนคงที่
ต้นทุนคงที่ ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ค่าซ่อมบำรุงท่อ ค่าซ่อมใหญ่เครื่องจักร ค่าตรวจสอบและ
วิเคราะห์สิ่งแวดล้อม ซึ่งมีรายละเอียด สรุปได้ดังนี้
หน้าที่ 62 ของจำนวนหน้าทั้งหมด 92 หน้า
รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
1) ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน ซึ่งได้แก่ เงินเดือน โบนัส สวัสดิการพนักงาน และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน
อื่นๆ ของพนักงานที่เกี่ยวข้องระบบบำบัดน้ำเสีย โดยในปี 2551 BLDC มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานในระบบบำบัดน้ำ
เสี ย เท่ กั บ 1.49 ล้ นบาท โดยเพิ่ มขึ้ นประมาณร้ อยละ 2.74 เมื่อ เที ยบกับ ปี 2550 อย่ งไรก็ต ม ในรายงานการ
ตรวจสอบเชิงวิศวกรรม ได้ประมาณการจำนวนพนักงานในส่วนนี้เท่ากับ 9 คน คิดเป็นค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 3.69 ล้าน
บาทต่อ ปี ดังนั้ น จึง กำหนดให้ค่า ใช้จ่ายเกี่ยวกับพนัก งานเฉลี่ยในปี 2552 เท่ กับ 3.69 ล้านบาทต่อปี (โดยคิดตาม
สัดส่วนของระยะเวลาที่บริษัทดำเนินงาน คือ 4 เดือน (กันยายน-ธันวาคม 2552)) และปรับเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 5.50
ต่อปี ตลอดระยะเวลาประมาณการ ซึ่งเป็นอัตราเติบโตที่ใกล้เคียงกับอัตราเติบโตเฉลี่ยของค่าตอบแทนของพนักงาน
ของบริษัทในช่วงปี 2549 - 2551
2) ค่าซ่อมบำรุงท่อ ในรายงานการตรวจสอบเชิงวิศวกรรมได้ประมาณการมูลค่าการลงทุนติดตั้งท่อใหม่ไว้
เท่ากับ 23.76 ล้านบาท ทั้งนี้ ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้ประมาณการค่าซ่อมบำรุงท่อจากประมาณการมูลค่าเงิ น
ลงทุนดังกล่าว ภายใต้สมมติฐานอายุการใช้งานของท่อไว้เท่ากับ 25 ปี จะได้ประมาณการค่าซ่อมบำรุงท่อเฉลี่ยเท่ากับ
0.95 ล้านบาทต่อปี ดังนั้น จึงกำหนดให้ค่าซ่อมบำรุ งท่อในปี 2552 เท่ากับ 0.95 ล้านบาท (โดยคิดตามสัดส่วนของ
ระยะเวลาที่บริษัทดำเนินงาน คือ 4 เดือน (กันยายน-ธันวาคม 2552)) และปรับเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ตลอด
ระยะเวลาประมาณการ ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตเฉลี่ยของ CPI
3) ค่าซ่อมใหญ่เครื่องจักร ในรายงานการตรวจสอบเชิงวิศวกรรมได้ประมาณการค่าซ่อมใหญ่ของเครื่องจักร
ในระบบบำบัด น้ำเสี ยไว้เท่ กับ 2.59 ล้านบาท โดยกำหนดให้มี ค่าซ่อมใหญ่เ ครื่องจั กรทุก ๆ 5 ปี ของการดำเนินงาน
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากระบบบำบัดน้ำเสียใหม่จะเริ่มดำเนินการในเดือนสิงหาคม 2552 ดังนั้น จึงกำหนดให้เริ่มมีค่า
ซ่อมใหญ่เครื่องจักรในปี 2557 โดยให้คิดจากมูลค่าตั้งต้นที่ 2.59 ล้านบาทในปี 2552 และปรับเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3
ต่อปี ตลอดระยะเวลาประมาณการ ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตเฉลี่ยของ CPI
4) ค่าตรวจสอบและวิเ คราะห์ สิ่งแวดล้ อม ในปี 2551 BLDC มี ค่า ตรวจสอบและวิ เคราะห์สิ่ง แวดล้อ ม
เท่ากับ 1.23 ล้านบาท ดังนั้น จึงกำหนดให้มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เท่ากับ 1.27 ล้านบาทในปี 2552 (โดยคิดตามสัดส่วน
ของระยะเวลาที่บริษัทดำเนินงาน คือ 4 เดือน (กันยายน-ธันวาคม 2552)) ซึ่งปรับเพิ่มจากค่าใช้จ่ายในปี 2551 ใน
อัตราร้อยละ 3 และกำหนดให้ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ตลอดระยะเวลาประมาณการ ซึ่งใกล้เคียงกับอัตรา
การเติบโตเฉลี่ยของ CPI
4. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร
ค่าใช้จ่ ยในการขายและบริ หาร ประกอบด้ว ย ค่ ใช้จ่า ยเกี่ยวกับ พนัก งานของสำนั กงาน และค่า ใช้จ่ ยอื่นๆ ซึ่ งใน
รายงานการตรวจสอบเชิง วิ ศวกรรมได้ ประมาณการค่า ใช้จ่ ยในส่ ว นนี้ เ ท่า กั บ 3.6 ล้า นบาทต่ อ ปี ดั งนั้ น ที่ ป รึก ษา
ทางการเงินอิสระได้นำประมาณการค่าใช้จ่ายดังกล่าวมาแบ่งแยกรายละเอียดดังนี้
1) ค่า ใช้ จ่ ยเกี่ย วกับ พนัก งานของสำ นั กงาน ได้แ ก่ เงิน เดือ น โบนัส สวั สดิก รพนัก งาน และค่า ใช้จ่ ย
เกี่ยวกับพนักงานอื่นๆ ของพนักงานในส่วนงานสนับสนุน โดยกำหนดให้มีจำนวนพนักงานในส่วนนี้เท่ากับ 15 คน (รวม
3 กะ) คิดเป็นค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 2.04 ล้านบาทในปี 2552 (โดยคิดตามสัดส่วนของระยะเวลาที่บริษัทดำเนินงาน คือ 4
เดือน (กันยายน-ธันวาคม 2552)) และปรับเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 5.50 ต่อปี ตลอดระยะเวลาประมาณการ ซึ่งเป็น
อัตราเติบโตที่ใกล้เคียงกับอัตราเติบโตเฉลี่ยของค่าตอบแทนของพนักงานของบริษัทในช่วงปี 2549 - 2551
หน้าที่ 63 ของจำนวนหน้าทั้งหมด 92 หน้า
รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
2) ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้แก่ ค่าธรรมเนียมจ่ายให้แก่ กนอ. ค่าประกันภัย และค่าใช้จ่ายในการบริหารอื่นๆ เป็น
ต้น โดยกำหนดให้มีค่าใช้จ่ายในส่ว นนี้เท่ากับ 1.56 ล้านบาทในปี 2552 (โดยคิ ดตามสัดส่ว นของระยะเวลาที่บริษั ท
ดำเนินงาน คือ 4 เดือน (กันยายน-ธันวาคม 2552)) ซึ่งประกอบด้วย ค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้แก่ กนอ. จำนวน 0.85
ล้านบาท โดยเป็นไปตามร่างสัญญาให้สิทธิดำเนินงาน ซึ่งได้กำหนดให้ BLDC และบริษัท ร่วมรับผิดชอบค่าธรรมเนียม
ที่ต้องจ่ายให้แก่ กนอ. ในอัตราร้อยละ 50 โดยในปี 2552 BLDC ได้ตกลงค่าธรรมเนียมที่จะจ่ายให้แก่ กนอ. เป็นจำนวน
1.7 ล้านบาท และค่าทำประกันภัยในทรัพย์สินที่ได้รับโอนมาจาก BLDC ซึ่งคาดว่ามีจำนวน 0.60 ล้านบาท รวมทั้ ง
ค่าใช้จ่ายในการบริหารอื่นๆ ซึ่งกำหนดให้เท่ กับ 0.11 ล้ นบาท และกำหนดให้ปรับเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3 ต่อ ปี
ตลอดระยะเวลาประมาณการ ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตเฉลี่ยของ CPI
5. ค่าใช้จ่ายทางการเงิน
ในเดือนมิถุนายน 2552 บริษัทได้รับข้อเสนอให้เงินกู้ยืมวงเงิน 1,500 ล้านบาทจากสถาบันการเงิน 2 แห่ง โดยผู้บริหาร
ของบริษัทคาดว่ จะใช้เงินกู้ยื มทั้งจำนวนจากสถาบันการเงินเพื่อชำระค่ ซื้อสิทธิในการดำเนินงาน ดังนั้น ที่ปรึกษา
ทางการเงินอิ สระได้กำหนดให้บ ริษัท กู้ยืม เงิน จากสถาบันการเงิ นเป็ นจำ นวน 1,400 ล้านบาท โดยให้ เบิก เงิน กู้ตาม
ระยะเวลาที่ต้องจ่ายเงินตามที่กำหนดในร่างสัญญาให้สิทธิดำเนินงาน และกำหนดระยะเวลาจ่ายคืนเงินต้นเป็นเวลา
10 ปี โดยเริ่มชำระตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป
สำหรับอัตราดอกเบี้ยจ่าย ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระมีความเห็นว่า บริษัทได้รับข้อเสนออัตราดอกเบี้ยที่ดีมากเมื่อเทียบ
กั บ อั ต ราดอกเบี้ ย ตามอั ต ราตลาดโดยทั่ ว ไป แต่ เ นื่ อ งจากในการประมาณการทางการเงิ น ในครั้ ง นี้ ต้ อ งการหา
ผลตอบแทนที่แท้จริงของโครงการ ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระจะไม่นำข้อเสนอข้างต้นมาพิจ รณา โดยจะกำหนดให้
อัตราดอกเบี้ยในที่นี้เท่ากับอัตราดอกเบี้ยลูกหนี้ชั้นดี (MLR) แทน ตลอดระยะเวลาชำระคืนเงินต้น ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย
MLR ณ วันที่ 28 พฤษภาคม 2552 ของธนาคารพาณิชย์ในประเทศ มีค่าเฉลี่ยประมาณร้อยละ 6.55 ต่อปี อย่างไรก็
ตาม เนื่องจากการชำระคืนเงินต้นมีระยะเวลา 10 ปี ซึ่งในช่วงระยะเวลาดังกล่าว อัตราดอกเบี้ย MLR สามารถผันแปร
ได้ ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามหลักการระมัดระวัง และสอดคล้องกับระยะเวลาชำระคืนเงินต้น ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
ได้กำหนดให้อัตราดอกเบี้ย MLR เท่ากับ ร้อยละ 7.30 ต่อปี ซึ่งคำนวณจากอัตราดอกเบี้ย MLR เฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี
ของธนาคารพาณิชย์ในประเทศ (ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย)
ตารางสรุปประมาณการต้นทุนและค่าใช้จ่าย
หน่วย: ล้านบาท ปี 2552 ปี 2553 ปี 2554 ปี 2555 ปี 2556 ปี 2557 ปี 2558 ปี 2559 ปี 2560 ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563 -
ปี 2582
1) ต้นทุนขายน้ำประปา
3.49 1/
- ต้นทุนผันแปร 11.18 12.03 13.20 16.53 17.49 18.50 19.63 20.71 21.91 23.19 23.95 -
40.66
2.56 1/
- ต้นทุนคงที่ 8.04 8.41 8.80 9.23 11.67 10.10 10.57 11.06 11.57 14.45 12.67 -
29.35
2) ต้นทุนค่าบริการน้ำเสีย
2.62 1/
- ต้นทุนผันแปร 8.46 9.11 10.00 11.82 12.52 13.27 14.10 14.90 15.79 16.73 17.28-
29.34
2.04 1/
- ต้นทุนคงที่ 6.41 6.70 7.01 7.38 10.71 8.06 8.43 8.82 9.22 13.13 10.08 -
24.50
หน้าที่ 64 ของจำนวนหน้าทั้งหมด 92 หน้า
รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
หน่วย: ล้านบาท ปี 2552 ปี 2553 ปี 2554 ปี 2555 ปี 2556 ปี 2557 ปี 2558 ปี 2559 ปี 2560 ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563 -
ปี 2582
11.08 1/
3) ค่าใช้จ่ายในการขาย 34.78 36.35 38.66 46.33 47.66 49.04 50.58 51.92 53.43 55.00 55.39-
และบริหาร 62.73
24.33 1/
4) ค่าใช้จ่ายทางการเงิน 87.60 94.90 85.98 75.23 64.48 53.74 42.99 32.24 21.49 10.75 -
หมายเหตุ: 1/ เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นใน 4 เดือน (ก.ย. - ธ.ค. 2552)
6. ภาษีเงินได้นิติบุคคล
เนื่องจากบริษัทได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2551 และได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้นิติ
บุคคลเหลื อร้ อยละ 25 ของกำไรสุ ทธิ เป็น ระยะเวลา 3 ปี คื อ ปี 2552-2554 อย่ งไรก็ต ม ในการประมาณการผล
ประกอบการในครั้ ง นี้ จะไม่ นำ สิ ท ธิ ป ระโยชน์ ท งภาษี ดั ง กล่ วมารวมคำ นวณ ถึ ง แม้ ว่ บริ ษั ท จะรั บ โอนสิ ท ธิ ใ น
ดำเนินงานมาบริหารและรับรู้เป็นผลประกอบการของบริษัทเองก็ตาม เนื่องจากในการประมาณการในครั้งนี้ ต้องการหา
ผลตอบแทนที่ แท้จ ริง ของโครงการ ดัง นั้น จึง กำ หนดให้ อัต ราภาษีเงิ นได้นิ ติบุ คคลเท่ กั บ ร้อยละ 30 ของกำ ไรสุท ธิ
ตลอดระยะเวลาประมาณการ
7. เงินลงทุนเพิ่มเติม
ในรายงานการตรวจสอบเชิงวิศวกรรมได้ประมาณการค่าใช้จ่ายลงทุนเพิ่มเติมสำหรับระบบผลิตน้ำประปา และระบบ
บำ บั ด นํ้ เสี ย เท่า กั บ 5.074 ล้า นบาท และ 10.303 ล้า นบาท ตามลำดั บ เพื่ อความสมบู รณ์ ค รบถ้ ว นในด้ นการ
ให้บริการและด้านความปลอดภัย เช่น ปรับปรุงผนังกั้นห้องต่างๆ เพิ่มเติมระบบโทรทัศน์วงจรปิด ปรับปรุงทางเดินบน
บ่อ ปรับปรุงบ่อพักน้ำเสียและฝาปิด และปรับปรุงระบบไฟฟ้าให้มีความปลอดภัยต่อการใช้งาน เป็นต้น ซึ่งบริษัทตกลง
ที่จะดำเนินการดังกล่าว โดยกำหนดให้ลงทุนเป็นจำนวนรวม 15.377 ล้านบาทในปี 2552 โดยคิดค่าเสื่อมราคาสำหรับ
ระบบผลิตน้ำประปาและระบบบำบัดน้ำเสียที่ลงทุนเพิ่มเติมด้วยวิธีเดียวกัน เป็นระยะเวลา 30 ปี ตามระยะเวลาของ
สิทธิในการดำเนิน งานที่ ได้รับ ซึ่งคำ นวณโดยวิธี ผันแปรตามหน่วยผลิต ซึ่ งเป็น ไปตามนโยบายการตัดค่ เสื่อ มราคา
สำหรับสินทรัพย์ในการผลิตน้ำประปาของบริษัท ดังนี้
ค่าเสื่อมราคาสำหรับงวด = ต้ น ทุ น สิ น ทรั พ ย์ ที่ ล งทุ น เพิ่ ม ณ วั น ต้ น งวด x อั ต ราส่ ว นการผลิ ต
น้ำประปาสำหรับงวด
อัตราส่วนการผลิตน้ำประปาสำหรับงวด = จำนวนผลผลิตน้ำประปาจริงสำหรับงวด
(ยังมีต่อ)