02 November 2009
รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552
เลขที่ TTW/0716/09
3 พฤศจิกายน 2552
เรื่อง รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2552 และผลการดำเนินงานที่
เปลี่ยนแปลงจากงวดเดียวกันของปี 2551
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย มีผลดำเนินงาน
ประจำไตรมาสสามสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2552 และ 2551 จำนวน 484.8
ล้านบาท และ 358.0 ล้านบาทตามลำดับ โดยเมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงาน
ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยในงวดเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีผลการ
ดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 35.4 ดังนั้น บริษัทฯ ขอชี้แจงการเปลี่ยนแปลงใน
ส่วนที่มีสาระสำคัญดังต่อไปนี้
1) รายได้จากการขายน้ำประปาเพิ่มขึ้น จำนวน 98.9 ล้านบาท หรือ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 เนื่องจาก
ก) รายได้จากการขายน้ำประปาของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจำนวน
70.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 เนื่องจาก
(1) ยอดขายน้ำประปาของบริษัทฯ เพิ่มขึ้ นจำนวน 0.9
ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5
(2) ราคาขายน้ำประปาที่ปรับขึ้นจากปีก่อน
(3) รายได้จากการขายน้ำประปาในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน
จำนวน 18.6 ล้านบาท
ข) รายได้จากการขายน้ำประปาของบริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด
(บริษัทย่อย) เพิ่มขึ้นจำนวน 28.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3 เนื่องจาก
ยอดขายน้ำประปาของบริษัทย่อยเพิ่มขึ้น 0.1 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ
0.1 และราคาขายน้ำประปาที่ปรับขึ้นจากปีก่อน
2) ต้นทุนขายน้ำประปาและบริการ ลดลงจำนวน 30.5 ล้านบาท หรือ
ลดลง 9.4 เนื่องจาก บริษัทฯ ไม่มีค่าซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานเมื่อเปรียบเทียบ
กับไตรมาสสามของปีก่อน
3) ค่าสิทธิในการดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปา และการ
ให้บริการบำบัดน้ำเสียตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 100
เนื่องจากเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2552 บริษัทฯ ได้ดำเนินการซื้อสิทธิในการบริหาร
จัดการน้ำประปาและน้ำเสียในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน โดยบริษัทฯ ตัดจำหน่ายค่าสิทธิฯ
ดังกล่าวด้วยวิธีหน่วยที่ผลิตได้ (Unit of production method)เป็นระยะเวลา 30 ปี
4) ค่าใช้จ่ายทางการเงิน ลดลงจำนวน 41.7 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ
25.3 เนื่องจาก
ก) ในเดือนพฤษภาคม 2551 บริษัทฯ ได้จ่ายชำระคืนเงินกู้ระยะ
สั้นจำนวน 3,000 ล้านบาททั้งจำนวน
ข) ในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้อายุ 3 ปี 5 ปี
และ 7 ปี จำนวน 7,000 ล้านบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ 4.53 ต่ อ ปี
เพื่อจ่ายคืนเงินกู้ระยะยาวจำนวน 5,839.8 ล้านบาท ซึ่งคิดอัตราดอกเบี้ย MLR-1%
ค) อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระยะยาวของบริษัทย่อยลดลง โดยใน
ไตรมาสสาม ปี 2552 เงินกู้ยืมระยะยาวมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ 5.88 ต่อปี
(ไตรมาสสามปี 2551 : ร้อยละ 7.13 ต่อปี)
5) ภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้น 40.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ
3,923.9 เนื่องจากบริษัทย่อยได้รับหนังสือแจ้งการเปลี่ยนแปลงผลขาดทุนสุทธิ
จากสำนักงานสรรพากรพื้นที่ ซึ่งจากการประเมินของสำนักงานดังกล่าว บริษัท
ย่อยจะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตั้งแต่ ปี 2552 เป็นต้น ไปเพื่อลดความ
เสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต บริษัทย่อยจึงบันทึกภาษีเงินได้นิติบุคคลดังกล่าว
จึงเรียนมาเพื่อกรุณาทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(สมเกียรติ ปัทมมงคลชัย)
ผู้จัดการฝ่ายบัญชีและการเงิน