คำถามที่พบบ่อย
สืบเนื่องจากในบริเวณพื้นที่ 7 จังหวัด ซึ่งได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นครปฐม และสมุทรสาคร มีการการสูบน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ในอัตราสูงกว่าอัตราการเกิดน้ำบาดาลตามธรรมชาติ จึงทำให้เกิดปัญหาแผ่นดินทรุดและน้ำเค็มเข้าแทรกในชั้นน้ำบาดาล การประปาส่วนภูมิภาค (“กปภ.” หรือ “PWA”) จึงจัดทำเป็นโครงการให้เอกชนเข้าลงทุน ทำการก่อสร้างระบบผลิตน้ำประปาผิวดิน ซึ่งใช้น้ำดิบจากแม่น้ำ ในพื้นที่ทางฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ คือจังหวัดนครปฐม และสมุทรสาคร โดยมีสัญญาซื้อขายน้ำประปาผูกพันเป็นระยะเวลา 30 ปี ในการนี้ TTW เป็นบริษัทที่ได้รับเลือกให้ดำเนินโครงการดังกล่าว
TTW เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำประปา ในบริเวณจังหวัดนครปฐม และสมุทรสาคร ให้กับการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) (คลิกที่นี่เพื่อดูข้อมูลเพื่มเติม)
| TTW | PTW | |
|---|---|---|
| ลูกค้า | การประปาส่วนภูมิภาค (“กปภ.”) | การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) |
| ระยะเวลาของสัญญา | สัญญาซื้อขายน้ำประปา – 30 ปี (21 กรกฎาคม 2547 ถึง 20 กรกฎาคม 2577) | สัญญา“งานจ้างเอกชนบริหารจัดการผลิตน้ำประปาและบำรุงรักษาเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำขาดแคลนในพื้นที่ การประปาส่วนภูมิภาคสาขาปทุมธานี, สาขารังสิต (ชั้นพิเศษ), และสาขาคลองหลวง” ระยะเวลา 10 ปี (15 ต.ค. 2566 – 14 ต.ค. 2576) |
| ชนิดของสัญญา | Build-Own-Operate (“BOO”) คือ ไม่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ในระบบผลิตและระบบจ่ายให้แก่ กปภ. เมื่อสัญญาสิ้นสุดลง | บริหารจัดการผลิตน้ำประปาและบำรุงรักษา (O & M) |
| พื้นที่ให้บริการ |
|
พื้นที่ปทุมธานี-รังสิต จังหวัดปทุมธานี |
| กำลังการผลิตสูงสุดปัจจุบัน | TTW = 540,000 ลบ.ม./วัน | PTW = 488,000 ลบ.ม./วัน |
| ปริมาณการรับซื้อน้ำขั้นต่ำ (MOQ) ที่ กปภ. ต้องรับซื้อจากบริษัทฯ | 354,000 ลบ.ม./วัน (ข้อมูล ณ 29 ธ.ค. 2551) | 358,000 ลบ.ม./วัน (ข้อมูล ณ 15 ต.ค. 2566) |
| สัมปทานประกอบกิจการประปา | 25 ปี (เริ่มวันที่ 11 มีนาคม 2548 ถึง 10 มีนาคม 2573) จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | 25 ปี (เริ่มวันที่ 13 มกราคม 2543 ถึง 12 มกราคม 2568) จากกระทรวงมหาดไทย |
| หน่วยผลิตและซ่อมบำรุง | บริษัท ไทยวอเตอร์ โอเปอเรชั่นส์ จำกัด (TWO) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TTW | บริษัท ไทยวอเตอร์ โอเปอเรชั่นส์ จำกัด (TWO) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TTW |
ทุกเดือนมกราคมในแต่ละปี อัตราค่าน้ำประปาที่ TTW และ PTW ขายให้กับ กปภ. จะมีการปรับเปลี่ยนโดยใช้สูตรในการคำนวณดังต่อไปนี้
สำหรับ TTW

| Pn+1 | อัตราค่าน้ำประปา ณ วันที่ 1 มกราคม ในปีที่ n+1 หน่วยเป็น ลบ.ม. และต้องปัดเศษของทศนิยมตำแหน่งที่ 7 ทิ้ง |
| Pn | อัตราค่าน้ำประปา ณ วันที่ 1 มกราคม ในปีที่ n และมีค่าเริ่มต้นจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2542 เท่ากับ 13.900000 บาท / ลบ.ม. |
| CPIn-1 | ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของภาคกลาง ที่ประกาศโดยกองดัชนีเศรษฐกิจการค้า กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ สำหรับเดือนธันวาคม ณ ปีที่ n-1 และมีค่าเริ่มต้นสำหรับเดือนธันวาคม 2541 เท่ากับ 128.1 |
| CPIn | ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของภาคกลางสำหรับเดือนธันวาคม ณ ปีที่ n (*) |
| K | สำหรับปีที่ 1 ถึงปีที่ 7 (พ.ศ. 2543 ถึง พ.ศ. 2549) มีค่าเท่ากับ 1.03000 |
| สำหรับปีที่ 8 ถึงปีที่ 10 (พ.ศ. 2550 ถึง พ.ศ. 2552) มีค่าเท่ากับ 1.02500 | |
| สำหรับปีที่ 11 ถึงปีที่ 14 (พ.ศ. 2553 ถึง พ.ศ. 2556) มีค่าเท่ากับ 1.01000 | |
| year 11th to year 14th (2010 to 2014) = 1.01000 | |
| สำหรับปีที่ 15 (พ.ศ. 2557) เป็นต้นไป มีค่าเท่ากับ 1.00000 |
(*) หากในเดือนธันวาคมของปีใดๆ (n) ค่า CPI ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ เพื่อใช้ในการคำนวณอัตราค่าน้ำประปา (1 มกราคมของปีที่ n+1) แล้ว อัตราค่าน้ำประปาของเดือนในปีถัดไปจะใช้อัตราค่าน้ำประปาของปีก่อนจนกระทั่งค่าดัชนี (CPI) ถูกประกาศใช้และจะต้องนำค่าดัชนี (CPI) มาคำนวณ อย่างไรก็ตาม หากมีการคำนวณปรับค่าอัตราค่าน้ำประปาได้ตามที่ควรจะเป็นแล้ว อัตราค่าน้ำประปาในแต่ละเดือนจะถูกปรับให้เท่ากับเดือนนั้นๆ โดยผู้ซื้อต้องชำระชดเชยส่วนที่ขาด นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมของปีที่ n+1 จนถึงวันที่ได้ปรับอัตราค่าน้ำประปานั้น มูลค่าของการปรับชดเชยอัตราค่าน้ำประปานี้เท่ากับปริมาณน้ำประปาที่ได้รับในปีที่ n+1 ณ อัตราค่าน้ำประปาเท่ากับ Pn คูณด้วยผลต่างอัตราค่าน้ำประปาของ Pn กับ Pn+1
สำหรับ PTW

| BWCi+1 | อัตราค่าน้ำประปา ณ วันที่ 1 มกราคม ในปีที่ i+1 |
| BWCi | อัตราค่าน้ำประปา ณ วันที่ 1 มกราคม ในปีที่ i |
| CPIi | ดัชนีราคาผู้บริโภคของทั่วประเทศ ที่ประกาศโดยกระทรวงพาณิชย์ สำหรับเดือนกรกฎาคม ณ ปีที่ i |
| CPIi-1 | ดัชนีราคาผู้บริโภคของทั่วประเทศ ที่ประกาศโดยกระทรวงพาณิชย์ สำหรับเดือนกรกฎาคม ณ ปีที่ i-1 |
| CPI | ดัชนีราคาผู้บริโภคของทั่วประเทศ ที่ประกาศโดยกระทรวงพาณิชย์ สำหรับเดือนกรกฎาคม |
| i | ปีก่อนหน้าปีที่จะมีการปรับราคาค่าจ้างผลิตน้ำประปา เริ่มจากปี 2567 |
*ในกรณีผลิตน้ำประปาเกินกว่าปริมาณน้ำขั้นต่ำ (MOQ) ค่าจ้างผลิตจะลดลงจากค่าจ้างผลิตในปีนั้น 0.44 บาท/ลบ.ม.
ค่าคงที่ที่กำหนดไว้ในสัญญา โดยกำหนดขึ้นเพื่อให้มั่นใจว่า อัตราค่าน้ำประปาจะมีการปรับขึ้นในช่วงปีแรกๆ ของการดำเนินกิจการซึ่งมีความเสี่ยงสูง เนื่องมาจากเป็นช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ
ปีที่ 1 ถึงปีที่ 7 (พ.ศ. 2543 – 2549) = 1.03000
ปีที่ 8 ถึงปีที่ 10 (พ.ศ. 2550 – 2552) = 1.02500
ปีที่ 11 ถึงปีที่ 14 (พ.ศ. 2553 – 2556) = 1.01000
ปีที่ 15 (พ.ศ. 2557) เป็นต้นไป = 1.00000
PTW ทำสัญญาซื้อขายน้ำกับกปภ. ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจดำเนินไปตามปกติ การคำนวณค่าน้ำจึงคำนวณโดยใช้ค่า CPI เท่านั้น
TTW:
- ปริมาณน้ำประปาที่ขายตั้งแต่ 1 - 300,000 ลบ.ม./วัน คิดราคา 31.65 บาท/ลบ.ม.
- ปริมาณน้ำประปาที่ขายตั้งแต่ 300,001 - 354,000 ลบ.ม. คิดราคา 13.16 บาท/ลบ.ม.
- ปริมาณน้ำประปาที่ขายเกิน 354,000 ลบ.ม./วัน ขึ้นไป คิดราคา 10.60 บาท/ลบ.ม.
PTW:
- ปริมาณน้ำประปาที่ขายตั้งแต่ 1 - 358,000 ลบ.ม./วัน คิดราคา 6.55 บาท/ลบ.ม.
- ปริมาณน้ำประปาที่ขายเกิน 358,000 ลบ.ม./วัน คิดราคา 6.11 บาท/ลบ.ม.
(ข้อมูล ณ วันที่ 1 ม.ค. 2568)
ต้นทุนหลักๆ ในการดำเนินงานของบริษัทฯ มี 5 รายการ คิดเป็นสัดส่วนโดยประมาณดังตาราง
| TTW - 2566 | PTW - 2566 | |
|---|---|---|
| ค่าเสื่อมราคา | 45% | 55% |
| ค่าไฟฟ้า | 39% | 31% |
| ค่าสารเคมี | 5% | 4% |
| ค่าเช่าที่ดิน | 1% | - |
| อื่นๆ | 10% | 10% |
*หมายเหตุ - ค่าเฉลี่ยสำหรับปี 2566
ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น เพราะต้องใช้สารเคมีมากขึ้นในการผลิตน้ำประปา อย่างไรก็ตาม ในสัญญาซื้อขายน้ำระหว่างบริษัทฯ กับ การประปาส่วนภูมิภาคได้มีการกำหนดไว้ว่า หากน้ำดิบมีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานมาก บริษัทฯ สามารถเรียกร้องค่าชดเชยจากการประปาส่วนภูมิภาคสำหรับค่าใช้จ่ายด้านสารเคมีที่เพิ่มขึ้นได้
ไม่ใช่ เนื่องจาก อีสท์ วอเตอร์ มีธุรกิจหลักคือ การส่งจ่ายน้ำดิบโดยนำน้ำจากอ่างเก็บน้ำไปจ่ายให้นิคมอุตสาหกรรม
นอกเหนือจาก กปภ. แล้ว บริษัทฯ ไม่มีคู่แข่งทางตรงที่มีศักยภาพเท่าเทียมกัน ภายในพื้นที่ให้บริการ คู่แข่งของบริษัทฯ คือ ผู้ผลิตน้ำประปารายย่อย เช่น อบต. อบท. และ หมู่บ้าน ซึ่งสูบน้ำบาดาลขึ้นมาจ่ายให้ประชาชนในบริเวณพื้นที่ของตัวเอง
ในสัญญาซื้อขายน้ำระหว่าง กปภ. และบริษัทฯ ระบุไว้อย่างชัดเจนในเรื่องการปรับราคาค่าน้ำประปารายปี รวมทั้งไม่มีการระบุเงื่อนไขอื่นใดที่จะทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถปรับค่าน้ำประปาได้
รัฐวิสาหกิจที่ทำหน้าที่ ผลิต จัดส่ง และจำหน่ายน้ำประปาทั่วประเทศ ยกเว้นในเขตจังหวัด กรุงเทพฯ นนทบุรี และ สมุทรปราการ ทั้งนี้รวมถึงการสำรวจ และจัดหาแหล่งน้ำดิบที่จะนำมาผลิตน้ำประปาด้วย ข้อมูลเพิ่มเติม https://pwa.co.th/contents/about/duty-vision
กปภ. ใช้นโยบายในการคิดอัตราค่าน้ำเป็นราคาเดียวกันทั่วประเทศแม้ว่าต้นทุนการผลิตของกปภ. เอง จะแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ อย่างไรก็ตาม กปภ. แบ่งประเภทของลูกค้าออกเป็น 3 ประเภท คือ ภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรม โดยคิดค่าน้ำในอัตราก้าวหน้า กล่าวคือ ราคาค่าน้ำต่อลูกบาศก์เมตรในแต่ละช่วงปริมาณการใช้น้ำจะไม่เท่ากัน โดยการใช้น้ำในปริมาณมากจะเสียค่าน้ำต่อลูกบาศก์เมตรสูงกว่าการใช้น้ำในปริมาณน้อย
อัตราค่าน้ำขั้นต่ำในปัจจุบัน
สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ https://pwa.co.th/contents/service/table-price
บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) มีแนวทางที่ชัดเจน และเพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น บริษัทฯ จึงกำหนดนโยบายการจ่ายเงินปันผลไว้ดังนี้
ในการจ่ายเงินปันผลนั้น บริษัทฯ จะพิจารณาถึงความต้องการใช้เงินตามเป้าหมายของบริษัทฯ ในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า รวมถึงการรักษาระดับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทฯ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อลดความเสี่ยงทางด้านการเงินของบริษัทฯ ที่อาจจะเกิดขึ้น ในกรณีที่บริษัทฯ เห็นว่าสามารถที่จะจ่ายเงินปันผลได้ บริษัทฯ จะพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราสูงสุดเท่าที่เงินสดและกระแสเงินสดจะอำนวยเป็นลำดับแรก ทั้งนี้ จะไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล สำรองตามกฎหมาย และสำรองอื่นๆ ที่กำหนดไว้ในเงื่อนไขของสัญญาต่างๆ