โครงสร้างกลุ่มธุรกิจ
กำลังการผลิตสูงสุด
ลบ.ม./วัน
กำลังการผลิตสูงสุด
ลบ.ม./วัน
ได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพ

มูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นรวม
ล้านบาท
กำลังการผลิตติดตั้ง
MW
เทคโนโลยี
Run-of-River

กำลังการผลิตสูงสุด
ลบ.ม./วัน
บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) (TTW) ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำประปาให้กับการประปาส่วนภูมิภาคในพื้นที่สมุทรสาคร-นครปฐม ครอบคลุม 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครปฐม ในเขต 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอนครชัยศรี อำเภอสามพราน อำเภอพุทธมณฑล และจังหวัดสมุทรสาคร ในเขต 2 อำเภอได้แก่ อำเภอเมืองสมุทรสาคร และอำเภอกระทุ่มแบน
บริษัทฯ มีโรงผลิตน้ำประปาบางเลน จังหวัดนครปฐม กำลังการผลิตสูงสุด 440,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และโรงผลิตน้ำประปากระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2560 ใช้เทคโนโลยี เมมเบรน (Membrane) ในระดับการกรองแบบ "Ultrafiltration" มีกำลังการผลิตเริ่มต้นที่ 100,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ในอนาคตสามารถขยายกำลังการผลิตได้สูงสุด 400,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) (TTW) ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการน้ำครบวงจร ดูแลผู้ใช้น้ำมากกว่า 650,000 ราย หรือนับ “ล้านชีวิต” ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยยืดหลัก 3 ประการคือ “คุณภาพ เพียงพอ และต่อเนื่อง” เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำประปาของทั้ง ภาคอุตสาหกรรม ภาคพาณิชยกรรมและภาคครัวเรือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กำลังการผลิตสูงสุด
ลบ.ม./วัน
บริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด (PTW) เป็นบริษัทย่อยของ TTW มีทุนจดทะเบียนจำนวน 1,200 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญจำนวน 12 ล้านหุ้น โดยมีมูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท มีทุนชำระแล้วจำนวน 1,200 ล้านบาท บริษัท TTW มีสัดส่วนการถือหุ้นใน PTW ร้อยละ 98 ของทุนจดทะเบียน PTW ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำประปาให้กับ กปภ. ในพื้นที่ปทุมธานี-รังสิต ตามสัญญาให้สิทธิดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปา และสัญญาซื้อขายน้ำประปาเพื่อใช้ในพื้นที่สำนักงานประปารังสิต จังหวัดปทุมธานี ระยะเวลา 25 ปี เริ่มดำเนินกิจการในปี 2541 และครบกำหนดสัญญาในวันที่ 14 ตุลาคม 2566 และ กปภ.ได้ทำสัญญาจ้าง PTW บริหารจัดการผลิตน้ำประปาและบำรุงรักษาระบบผลิตน้ำประปาในพื้นที่ กปภ. สาขาปทุมธานี, กปภ. สาขารังสิต (ชั้นพิเศษ), และ กปภ. สาขาคลองหลวง เป็นระยะเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2566 เป็นต้นมา โดยมีปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ผลิต 358,000 ลบ.ม./วัน โดยโรงผลิตน้ำประปาปทุมธานีมีกำลังการผลิตสูงสุด 488,000 ลบ.ม./วัน

ได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพ
บริษัท ไทยวอเตอร์ โอเปอเรชั่นส์ จำกัด (TWO) เป็นบริษัทย่อยของ TTW มีผู้ถือหุ้นคือ TTW ถือหุ้นร้อยละ 68 และ PTW ถือหุ้นร้อยละ 32 ประกอบธุรกิจในการบริหารและจัดการระบบผลิตและจ่ายน้ำประปาและระบบบำบัดน้ำเสีย ให้กับ TTW และ PTW นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ (จ.ชลบุรี และ จ. ระยอง) TWO ได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพ ISO 9001:2015 Certified Operation, Maintenance, Water Management & Services ในด้านการให้บริการเดินระบบบำรุงรักษาและบริหารจัดการโครงการผลิตน้ำประปาและบำบัดน้ำเสีย
นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ชลบุรี:
- กำลังการผลิตน้ำประปา สูงสุด 32,400 ลบ.ม./วัน
- กำลังการบำบัดน้ำเสียสูงสุด 4,500 ลบ.ม./วัน
นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง:
- กำลังการผลิตน้ำประปา สูงสุด 18,000 ลบ.ม./วัน

มูลค่าการลงทุนทั้งสิ้นรวม
ล้านบาท
บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (หรือ CKP) ก่อตั้งโดยกลุ่มบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) (กลุ่ม ช.การช่าง) โดยจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2554 ทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท ด้วยวัตถุประสงค์ให้เป็นบริษัทแกนนำของกลุ่ม ช.การช่าง ที่มุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่างๆ โดยบริษัทประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานประเภทต่างๆ ซึ่งบริษัทมีรายได้หลักจากเงินปันผลรับจากการลงทุนถือหุ้นในบริษัทย่อยและบริษัทร่วม
CKP ได้จดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556 และหุ้นสามัญของบริษัทได้รับ การจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน โดยเริ่มทำการซื้อขาย ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2556 ด้วยทุนจดทะเบียน 5,500 ล้านบาท เรียกชำระเต็มมูลค่าแล้ว และเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2558 บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 9,240 ล้านบาท โดย ณ ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 8,129 ล้านบาท (ข้อมูล ณ 30 ก.ย. 2562)
ปัจจุบัน CKP ลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจำนวน 6 บริษัทในโครงการไฟฟ้า 3 ประเภท ได้แก่ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำ โครงการไฟฟ้าระบบโคเจนเนอเรชั่น และโครงการไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ซึ่งมีสัดส่วนการลงทุนที่เป็นบริษัทย่อยทั้งสิ้น 3 บริษัท ประกอบด้วย
- บริษัท เซาท์อีสท์เอเชีย เอนเนอร์จี จำกัด (“SEAN”) ในสัดส่วนร้อยละ 61.3 ซึ่ง SEAN ลงทุนอีกทอดหนึ่งในบริษัท ไฟฟ้าน้ำงึม 2 จำกัด (“NN2”) ในสัดส่วน ร้อยละ 75 ซึ่ง NN2 มีสถานะเป็นบริษัทแกนของบริษัท
- บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น จำกัด (“BIC”) ในสัดส่วนร้อยละ 65
- บริษัท บางเขนชัย จำกัด (“BKC”) ในสัดส่วนร้อยละ 100
การลงทุนในบริษัทร่วม รวม 3 บริษัท ประกอบด้วย
- บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (“XPLC”) ในสัดส่วนร้อยละ 37.5
- บริษัท เชียงราย โซล่าร์ จำกัด (“CRS”) ในสัดส่วนร้อยละ 30
- บริษัท นครราชสีมา โซล่าร์ จำกัด (“NRS”) ในสัดส่วนร้อยละ 30
โครงการไฟฟ้าที่บริษัทเข้าลงทุนส่วนใหญ่ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว เช่น โครงการไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี (“โครงการไซยะบุรี”) ภายใต้การดำเนินงานของ XPCL เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าที่ผลิตได้ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว ซึ่งเริ่มเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วในช่วงปลายปี 2562 และโครงการไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาและพื้นดินของ BKC จำนวน 6 โครงการ เพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้กับผู้ประกอบการภาคเอกชน ซึ่งได้เริ่มทยอยก่อสร้างตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2561 และเริ่มทยอยขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ครบทั้งหมดภายในปี 2562

กำลังการผลิตติดตั้ง
MW
บริษัท หลวงพระบางพาวเวอร์ จำกัด (LPCL) จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2562 เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย สปป.ลาว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบธุรกิจโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง (LPHPP) ซึ่งตั้งอยู่บนแม่น้ำโขง แขวงหลวงพระบาง โดยตั้งอยู่บนแม่น้ำโขง ห่างจากสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง (ประเทศเวียดนาม) ประมาณ 2,036 กิโลเมตร และตั้งอยู่ทางเหนือน้ำของเมืองหลวงพระบางเป็นระยะประมาณ 25 กิโลเมตร ห่างจากจุดบรรจบของแม่น้ำอูกับแม่น้ำโขงไปทางเหนือน้ำประมาณ 4 กิโลเมตร
โครงการ LPHPP เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำประเภทฝายทดน้ำขนาดใหญ่แบบน้ำไหลผ่านตลอดปี (Run-of-River) ไม่มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ผลิตไฟฟ้าโดย การใช้น้ำไหลตามธรรมชาติของลำน้ำ โดยได้รับสัมปทานจาก สปป.ลาว ในรูปแบบสัมปทานประเภทการโอนกรรมสิทธิ์ในระบบผลิตและระบบจ่ายให้แก่รัฐบาล สปป. ลาว เมื่อสัญญาสิ้นสุดลง (Build-Own-Operate and Transfer: BOOT) ภายใต้การอนุมัติจากสภาแห่งชาติของ สปป.ลาว (The National Assembly of Lao PDR) เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564
LPCL เป็นผู้รับสัมปทานในการออกแบบ ก่อสร้าง และดำเนินการโครงการเป็นระยะเวลา 35 ปี นับจากวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date: COD) โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 1,460 เมกะวัตต์ (MW) และจะสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้เฉลี่ยปีละ 6,688 กิกะวัตตั่วโมง (GWh) ซึ่ง LPCL จะจำหน่ายกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ทั้งหมดให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตลอดระยะเวลาสัมปทาน 35 ปี นับจาก COD และ คาดว่าจะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ได้ในวันที่ 1 มกราคม 2573
ทั้งนี้ LPCL จะส่งมอบโครงการฯ ให้แก่ สปป.ลาว เมื่อระยะเวลาสัมปทานสิ้นสุด เว้นแต่ได้รับการต่อขยายระยะเวลาสัมปทานออกไป

