20 พฤษภาคม 2551
) สรุปข้อสนเทศ : TTW
จากการวิเคราะห์ของบริษัท บริหารและพัฒนาเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จำกัด (มหาชน) (GENCO) เมื่อปลายปี
2542 พบว่าตะกอนดินจากกระบวนการผลิตไม่มีสารมีพิษที่ก่อให้เกิดอันตรายแก่สิ่งแวดล้อมเจือปน ทั้งนี้ ประปาปทุมธานี
ยกตะกอนดินที่เกิดขึ้นให้แก่บุคคลภายนอกที่ต้องการไปถมที่ดินโดยไม่คิดค่าตะกอนดินหรือค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
สำหรับสารเคมีที่หลงเหลือจากการล้างถังเก็บ ถังเตรียมสารเคมี และน้ำจากห้องทดลอง ในอดีต ประปาปทุมธานีเคย
ทำสัญญาปีต่อปีว่าจ้าง GENCO ให้ทำการกำจัดสารเคมีดังกล่าว โดยที่ผ่านมา ประปาปทุมธานีส่งกากสารเคมีให้ GENCO
บำบัดประมาณปีละ 1 ครั้ง ปริมาณไม่เกินปีละ 5 ตัน อย่างไรก็ตาม เมื่อสัญญาครั้งสุดท้ายสิ้นสุดลงเมื่อปลายปี 2549
ประปาปทุมธานีไม่ได้ทำสัญญาปีต่อปีกับ GENCO อีก เนื่องจากประปาปทุมธานีและ GENCO พิจารณาแล้วว่ากากสารเคมี
ที่ต้องบำบัดไม่ได้อยู่ในรายการสารเคมีควบคุมของกระทรวงอุตสาหกรรมและมีปริมาณไม่มากนักต่อปี ด้วยเหตุนี้ ประปา
ปทุมธานีจึงตัดสินใจจะว่าจ้าง GENCO ครั้งต่อครั้งโดยไม่มีการทำสัญญานับแต่นั้นมา
สรุปสาระสำคัญของสัญญา
สรุปสาระสำคัญของสัญญาที่เกี่ยวข้องในการดำเนินธุรกิจ ดังนี้
บริษัท
1. สัญญาซื้อขายน้ำประปา (Water Purchase and Sale Agreement) และบันทึกข้อตกลงที่เกี่ยวข้อง
คู่สัญญา : การประปาส่วนภูมิภาค และบริษัท
วันที่ลงนามในสัญญา : 21 กันยายน 2543
ระยะเวลาตามสัญญา : 30 ปี นับจากวันเริ่มซื้อขายน้ำประปา คือวันที่ 21 กรกฎาคม 2547
วัตถุประสงค์ของสัญญา :
กปภ. มีความประสงค์ให้บริษัทผลิตน้ำประปาเพื่อขายให้แก่ กปภ. ในบางพื้นที่ของจังหวัดนครปฐม และจังหวัด
สมุทรสาครเพื่อทดแทนระบบผลิตน้ำประปาจากบ่อบาดาลของ กปภ. และเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำประปาให้เพียงพอต่อ
การต้องการของผู้บริโภค โดย กปภ.จะซื้อน้ำประปาจากบริษัทเพื่อส่งเข้าสู่ระบบรับน้ำประปาของผู้บริโภคเพื่อขายให้แก่
ผู้บริโภคอีกต่อหนึ่ง และบริษัทตกลงที่จะเป็นผู้ก่อสร้างระบบจ่ายน้ำประปาให้แก่ผู้บริโภคเอง ซึ่งบริษัทตกลงจะเป็นผู้ลงทุน
และรับผิดชอบในผลกำไรขาดทุนทั้งหมดแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยที่ระบบผลิตน้ำประปาและระบบจ่ายน้ำประปาเป็น
กรรมสิทธิ์ของบริษัทซึ่งไม่ต้องโอนไปยังกปภ. แต่อย่างใด
การซื้อขายน้ำประปา :
(1) นับแต่วันเริ่มซื้อขายน้ำประปาที่เป็นจริง กปภ. จะต้องซื้อน้ำประปาจากบริษัทซึ่งมีปริมาณโดยรวมรายวันไม่ต่ำกว่า
ปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อ ดังนี้
ปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่
ระยะเวลาตามสัญญา ระยะเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุด
กปภ. ต้องซื้อ (ลบ.ม./วัน)
วันเริ่มซื้อขายน้ำประปาที่เป็นจริง ถึง 2 ปีนับจากวันเริ่มซื้อ 21 กรกฎาคม 2547 ถึง 20 200,000
ขายน้ำประปาที่เป็นจริง กรกฎาคม 2549
ปีที่ 2 ถึงปีที่ 4 ปีนับจากวันเริ่มซื้อขายน้ำประปาที่เป็นจริง 21 กรกฎาคม 2549 ถึง 20 250,000
กรกฎาคม 2551
ภายหลังระยะเวลา 4 ปีนับจากวันเริ่มซื้อขายน้ำประปาที่ 21 กรกฎาคม 2551 ถึง 20 300,000
เป็นจริง กรกฎาคม 2577
หากกปภ. ซื้อน้ำประปาในปริมาณที่น้อยกว่าปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อ กปภ. จะชำระเงินสำหรับส่วนขาดจน
ครบจำนวนตามปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อ และหาก กปภ. ต้องการเพิ่มปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อภายหลังวัน
เริ่มซื้อขายน้ำประปาที่เป็นจริง กปภ. ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้บริษัทล่วงหน้าอย่างน้อย 12 เดือนก่อนวันที่อัตราใหม่ของ
ปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อจะมีผลบังคับใช้ หรือภายในระยะเวลาที่น้อยกว่าตามที่บริษัทตกลง แต่ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม
ปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อต้องไม่ลดลงจากระยะเวลาก่อนหน้านั้น ทั้งนี้ ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม บริษัทไม่มีข้อผูกพันที่
จะต้องดำเนินการเพิ่มปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องจัดส่งให้มากกว่า 320,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือต้องดำเนินการเพิ่ม
ปริมาณน้ำประปาในอัตราที่ต่ำกว่า 50,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันในการเพิ่มแต่ละครั้ง
(2) หากบริษัทแสดงให้เห็นว่าความต้องการน้ำประปาในพื้นที่ที่กำหนดจะเพิ่มขึ้นเกินกว่า 300,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
และ กปภ. เห็นชอบด้วย หรือ กปภ. คาดการณ์ได้เช่นกันกับบริษัท เมื่อบริษัทพิจารณาเห็นว่ามีความคุ้มค่าการลงทุนตาม
หลักเศรษฐศาสตร์ที่จะขยายหรือการก่อสร้างระบบผลิตน้ำเพิ่มขึ้นแล้ว คู่สัญญาจะตกลงร่วมกันปรับปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำ
ที่จะเพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้มาซึ่งน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อตามที่ได้มีการปรับเพิ่มขึ้น และจะตกลงเกี่ยวกับการปรับอัตราค่า
น้ำประปา ทั้งนี้ การปรับดังกล่าวข้างต้นจะกระทำหลังจากที่บริษัท ได้รับการสนับสนุนทางการเงินเพื่อการขยายระบบผลิต
น้ำประปาตามข้อตกลงดังกล่าวแล้ว แต่หากบริษัทไม่ประสงค์ที่จะดำเนินการขยายหรือก่อสร้างระบบฯเพิ่มขึ้น หรือต้องการ
ขยายโดยที่กำลังผลิตต่ำกว่าที่กปภ. ต้องการหรือคู่สัญญาไม่สามารถตกลงร่วมกันในรายละเอียดตามที่กล่าวข้างต้นได้
กปภ. มีสิทธิจัดหาน้ำประปาส่วนเกินที่บริษัทไม่ประสงค์จะดำเนินการ หรือด้วยการให้สิทธิแก่เอกชนรายใดแม้ระยะเวลา
ของสัญญานี้จะยังไม่ครบกำหนด แต่กปภ. ไม่สามารถจะซื้อนำประปาจากแหล่งอื่น หรือดำเนินการจ่ายต้ำประปาส่วนเกิน
ดังกล่าวได้เว้นแต่ปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่จะต้องซื้อเท่ากับ 300,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือเท่ากับปริมาณกำลังการ
ผลิตที่บริษัทตกลงจะขยายเพิ่มขึ้น แล้วแต่กรณี
(3) บริษัทจะทำการเฉลี่ยปริมาณน้ำประปาที่บริษัทได้จัดส่งให้ กปภ. จริงทุกรอบระยะเวลา 6 เดือน นับจากวันเริ่มซื้อขาย
น้ำประปาที่เป็นจริง หากปรากฏว่ามูลค่าเฉลี่ยของปริมาณน้ำประปาที่จัดส่งให้จริงต่ำกว่าปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อ
สำหรับระยะเวลาดังกล่าว (ค่าใช้จ่ายผันแปรที่ประหยัดได้) กปภ. จะชำระค่าน้ำประปาเพิ่มให้แก่บริษัทโดยคิดตามอัตรา
ค่าน้ำประปาคูณด้วยส่วนต่างระหว่างปริมาณน้ำประปาที่จัดส่งและปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อสำหรับระยะเวลา 6
เดือน โดยกปภ. จะต้องชำระค่าน้ำประปาส่วนเพิ่มภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ และบริษัทจะทำการบันทึก
ค่าใช้จ่ายผันแปร ซึ่งบริษัทใช้จ่ายน้อยลงในช่วงระยะเวลา 6 เดือนดังกล่าว อันเป็นผลจากการที่บริษัทไม่ต้องจัดส่ง
น้ำประปาในปริมาณส่วนขาดสำหรับระยะเวลาดังกล่าวโดยคิดคำนวณจากการนำปริมาณส่วนขาดมาคูณด้วยอัตราส่วนลด
โดยให้มีการปรับอัตราส่วนลดดังกล่าวเป็นรายปีตามสูตรการคำนวณค่าน้ำประปา และการคำนวณเงินชดเชยตามที่กำหนด
ค่าใช้จ่ายผ้นแปรที่ประหยัดได้จะรวมสะสมสำหรับแต่ละระยะเวลา 6 เดือน (หรือส่วนของ 6 เดือนแล้วแต่กรณี) ตลอด
ระยะเวลาของสัญญานี้
เมื่อบริษัทชำระหนี้ที่ค้างชำระทั้งหมดให้แก่ผู้สนับสนุนทางการเงินตามสัญญาสนับสนุนทางการเงิน และได้รับการปลด
เปลื้องจากภาระหน้าที่ต่างๆ ตามสัญญาดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว บริษัทตกลงให้ กปภ. สามารถนำจำนวนสะสมของค่าใช้จ่าย
ผันแปรที่ประหยัดได้มาหักออกจากค่าน้ำประปาที่กปภ. จะต้องชำระให้แก่บริษัท ตามการคำนวณค่าน้ำประปาและการ
คำนวณเงินชดเชยตามที่กำหนดไว้
อัตราค่าน้ำประปา :
นับจากวันเริ่มซื้อขายน้ำประปาที่เป็นจริง กปภ.จะชำระค่าน้ำประปาให้แก่บริษัท เป็นรายเดือน อัตราค่าน้ำประปาที่เป็น
ฐานการคำนวณได้แก่อัตราค่าน้ำประปา ปี พ.ศ. 2542 ในอัตรา 13.900000 บาท ต่อลูกบาศก์เมตรโดยไม่รวม
ภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยอัตราดังกล่าวจะปรับราคาทุกวันที่ 1 มกราคม ของแต่ละปีตามสูตรการคำนวณที่กำหนดในสัญญา
การต่ออายุสัญญา :
สัญญาจะสิ้นสุดเมื่อครบ 30 ปีนับแต่วันเริ่มซื้อขายน้ำประปา อย่างไรก็ตามหากบริษัทต้องการต่ออายุสัญญานี้ก็อาจทำ
ได้ด้วยการส่งคำบอกกล่าวเป็นหนังสือให้ กปภ. ทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 3 ปีก่อนครบกำหนดตามสัญญานี้ และ กปภ.
อาจพิจารณาต่ออายุสัญญาให้บริษัทได้โดยความตกลงร่วมกันทั้งสองฝ่าย ก่อนครบกำหนดระยะเวลาของสัญญานี้ หาก
คู่สัญญาไม่สามารถตกลงกันได้จนครบกำหนดระยะเวลาของสัญญาให้ถือว่าสัญญานี้เป็นอันสิ้นสุด
การบอกเลิกสัญญา :
(1) กปภ. มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้หาก
(ก) บริษัทไม่สามารถเริ่มงานได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือ
(ข) บริษัทไม่สามารถผลิตน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องจัดส่งได้ และการไม่สามารถดำเนินการได้ดังกล่าวเกิดขึ้นจากสาเหตุ
ที่เป็นความผิดหรือความควบคุมของบริษัท หรือ
(ค) กำลังของระบบผลิตน้ำลดลงจนทำให้บริษัทไม่สามารถจัดส่งน้ำประปาได้ถึงร้อยละ 70 ของปริมาณน้ำขั้นต่ำที่
ต้องจัดส่งให้ กปภ. อันทำให้ไม่สามารถสนองความต้องการของ กปภ. เกิน 90 วันติดต่อกัน หรือ
(ง) ระบบไม่สามารถผลิตน้ำให้มีคุณภาพตามมาตรฐานเกิน 60 วันติดต่อกัน หรือ
(จ) บริษัทได้เลิกหรือชำระบัญชี หรือถูกพิทักษ์ทรัพย์ไม่ว่าชั่วคราวหรือเด็ดขาด หรือต้องคำพิพากษาให้ล้มละลาย
หรือมีการแต่งตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือกระบวนการที่คล้ายคลึงและผู้ขายไม่ต่อสู้ภายใน 30 วัน หรือ
(ฉ) บริษัทผิดข้อสัญญาอันเป็นสาระสำคัญซึ่งกระทบการดำเนินงานของ กปภ. หรือ
(ช) บริษัทไม่จัดหาหลักประกันมาเพิ่มเติมให้ครบจำนวนตามกำหนดและบริษัทไม่แก้ไขให้เสร็จภายใน 90 วันนับแต่
ได้รับคำบอกกล่าวจาก กปภ. ยกเว้นกรณีกำลังผลิตลดลงและกรณีคุณภาพน้ำต่ำกว่ามาตรฐานที่บริษัทมีเวลา
แก้ไขเพียง 30 วัน นับแต่ได้รับคำบอกกล่าว หากไม่มีการแก้ไขภายในกำหนด ผู้สนับสนุนทางการเงินอาจจัดหา
บริษัทผลิตน้ำใหม่มาดำเนินงานแทนผู้ขาย ซึ่งจะทำให้ กปภ. ยังไม่มีสิทธิเลิกสัญญา และบริษัทก็ยังไม่หลุดพ้น
ความรับผิดจนกว่าจะได้ชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าวให้ กปภ. ครบถ้วนแล้ว อย่างไรก็ตามหากผู้สนับสนุนทางการ
เงินไม่จัดหาบริษัทอื่นมาดำเนินงานแทนบริษัท กปภ.มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ทันที
กปภ. ต้องส่งคำบอกกล่าวเป็นหนังสือแจ้งไปยังบริษัท โดยระบุถึงลักษณะของเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องและแจ้งให้บริษัท
ปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาภายในเวลา 90 วันนับแต่เกิดเหตุ เว้นแต่ตามข้อ (ค) และ (ง) ซึ่งต้องแก้ไขให้แล้วเสร็จ
ภายในเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับคำบอกกล่าว หรือในระยะเวลาที่ยาวกว่าตามที่กปภ. เห็นสมควร
เมื่อสัญญาสิ้นสุดลงตามเหตุตั้งแต่ (ก) ถึง (ช) ข้อหนึ่งข้อใดและ กปภ. จะชำระเงินให้แก่บริษัทสำหรับมูลค่าของ
ระบบผลิตน้ำประปาและระบบจ่ายน้ำประปาให้แก่ผู้บริโภคเท่ากับมูลค่าสุทธิตามบัญชีของระบบผลิตประปา และมูลค่า
ที่ยังไม่ได้ตัดค่าเสื่อมของระบบจ่ายน้ำประปาให้แก่ผู้บริโภค หักด้วยกำไรสะสมของรอบระยะเวลาบัญชีของปีก่อนหน้า
ภายใน 365 วัน นับจากวันที่สัญญาสิ้นสุดลง กรรมสิทธิ์ในระบบผลิตน้ำประปาและระบบจ่ายน้ำประปาให้แก่ผู้บริโภคจะ
โอนไปยัง กปภ. ทั้งนี้ กปภ.ตกลงที่จะรับภาระแทนบริษัทในการจ่ายดอกเบี้ยและเบี้ยปรับซึ่งจะต้องชำระให้แก่
ผู้สนับสนุนทางการเงินตามพันธะแห่งสัญญาดังกล่าวสำหรับระยะเวลาที่เกินกว่า 90 วันนับจากวันที่สัญญาสิ้นสุดลง
จนถึงวันครบกำหนดชำระเงินหรือวันที่ กปภ.ชำระเงินแก่บริษัทครบถ้วนแล้วแต่กำหนดเวลาใดจะถึงก่อน
(2) บริษัทมีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้หาก
(ก) กปภ. ละเมิดข้อสัญญาอันเป็นสาระสำคัญ หรือ
(ข) หน่วยงานของรัฐเข้ามาขัดขวางหรือแทรกแซงการดำเนินงาน หรือ
(ค) กปภ. ผิดนัดชำระเงินหรือ
(ง) กปภ. เลิกองค์กรหรือตกเป็นบุคคลล้มละลาย หรือ
(จ) กปภ. มีการปรับโครงสร้างองค์กรจากรัฐวิสาหกิจเป็นเอกชน ยกเว้นบริษัทจะได้รับการยืนยันเป็นหนังสือจาก
หน่วยงานของรัฐ ผู้มีอำนาจ และจากองค์กรใหม่ที่เกิดขึ้นจากการปรับโครงสร้างองค์กร หรือการแปรรูปดังกล่าว
ว่าการเปลี่ยนแปลงใดๆ จะไม่มีผลกระทบต่อการปฏิบัติตามสัญญา หรือต่อภาระผูกพันต่างๆ ที่ กปภ. มีต่อบริษัท
ตามสัญญา
เมื่อมีการบอกเลิกสัญญาโดยบริษัท กปภ. ต้องจ่ายค่าชดเชยการเลิกสัญญาให้แก่บริษัทเป็นจำนวนเงินที่ประกอบด้วย
เงินต้นพร้อมดอกเบี้ยคงค้าง และส่วนของทุนทั้งหมด รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการโอนระบบผลิตน้ำประปา รวมถึงค่าใช้จ่าย
ที่เกี่ยวเนื่องจากการจัดหาเงินทุนของบริษัท และค่าตอบแทนจากทุนที่ชำระแล้วในอัตราร้อยละ 20 ต่อปี สำหรับ
ระยะเวลาที่เหลือของสัญญา โดยกรรมสิทธิ์ในระบบผลิตน้ำประปาและระบบจ่ายน้ำประปาให้แก่ผู้บริโภคจะโอนไป
ให้แก่กปภ.ทันทีเมื่อมีการจ่ายเงินเต็มจำนวน
2. สัมปทานประกอบกิจการประปาและสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมต่อท้ายสัมปทานประกอบกิจการประปา ฉบับลงวันที่ 20
มีนาคม 2551
ผู้ให้สัมปทาน : กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ผู้รับสัมปทาน : บริษัท
วันที่ได้รับอนุญาต : 11 มีนาคม 2548
ระยะเวลาตามสัญญา : 25 ปีนับจากวันที่ได้ลงนามในสัมปทาน
วัตถุประสงค์ของสัญญา :
เพื่อเป็นการให้สิทธิแก่ผู้รับสัมปทาน ในการทำการประปาและทำการจำหน่ายน้ำประปาได้ภายในเขตท้องที่อำเภอ
พุทธมณฑล อำเภอสามพราน อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม และในเขตอำเภอกระทุ่มแบน อำเภอเมืองสมุทรสาคร
จังหวัดสมุทรสาคร หรือในเขตท้องที่นอกกว่านั้นตามที่ผู้ให้สัมปทานและผู้รับสัมปทานจะได้ตกลงกันให้ใช้สัมปทาน
สิทธิในการซื้อกิจการประปา :
(1) เมื่อผู้รับสัมปทานได้ทำการไปได้กึ่งอายุสัมปทานแล้ว รัฐบาลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความประสงค์จะซื้อ
กิจการประปาของผู้รับสัมปทานทั้งหมด ผู้ให้สัมปทานมีสิทธิถอนคืนสัมปทานเพื่อซื้อหรืออนุญาตให้องค์กรปกครองส่วน
ท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องซื้อกิจการประปาได้ตามราคาซื้อขายกันในตลาด แต่ต้องแจ้งให้ผู้รับสัมปทานทราบล่วงหน้า 6 เดือน ถ้า
ไม่สามารถตกลงราคาซื้อขายกันได้ให้กำหนดโดยอนุญาโตตุลาการ โดยให้ทั้งสองฝ่ายตั้งอนุญาโตตุลาการได้ฝ่ายละคน
ถ้าอนุญาโตตุลาการที่ตั้งขึ้นไม่สามารถตกลงกันได้ ก็ให้อนุญาโตตุลาการนั้นเลือกตั้งผู้ชี้ขาดขึ้นคนหนึ่ง บรรดาค่าใช้จ่าย
และค่าธรรมเนียมในการตั้งอนุญาโตตุลาการหรือผู้ชี้ขาดให้ออกฝ่ายละครึ่งหนึ่ง
(2) เมื่อสัมปทานสิ้นอายุลงหรือต้องเพิกถอน ผู้ให้สัมปทานมีสิทธิที่จะซื้อหรือไม่ซื้อกิจการประปาทั้งหมดจากผู้รับ
สัมปทาน ถ้าผู้ให้สัมปทานมีความประสงค์จะซื้อ จะต้องปฏิบัติดังนี้
(ก) ถ้าซื้อเมื่อสิ้นอายุสัมปทาน ผู้ให้สัมปทานต้องแจ้งความจำนงเป็นหนังสือไปยังผู้รับสัมปทานอย่างน้อย 6 เดือน
ก่อนสิ้นอายุสัมปทาน
(ข) ถ้าซื้อเมื่อสัมปทานต้องเพิกถอน ผู้ให้สัมปทานต้องแจ้งความจำนงเป็นหนังสือไปยังผู้รับสัมปทานภายใน 3 เดือน
นับแต่วันเพิกถอนสัมปทาน ถ้าไม่แจ้งภายในกำหนดเวลาดังกล่าวข้างต้น หรือแจ้งว่าไม่ประสงค์จะซื้อกิจการ
ประปา ผู้รับสัมปทานมีสิทธิที่จะขายกิจการให้แก่ผู้อื่นได้ กรณีตกลงราคาซื้อขายกันไม่ได้ ให้ตั้งอนุญาโตตุลาการ
กำหนดราคาตามที่ระบุในสัมปทาน
(3) ถ้าผู้ให้สัมปทานไม่ประสงค์จะซื้อกิจการประปา และผู้รับสัมปทานมีความประสงค์จะดำเนินการต่อไป ผู้รับสัมปทาน
ต้องแจ้งความจำนงเป็นหนังสือไปยังผู้ให้สัมปทานอย่างน้อย 3 เดือนก่อนสัมปทานสิ้นอายุ
การโอนสัมปทาน :
สัมปทานนี้จะโอนไปยังผู้ใดไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ให้สัมปทานเสียก่อน และต้องอยู่
ภายใต้บังคับเงื่อนไขซึ่งผู้ให้สัมปทานจะเห็นสมควรเพื่อยังให้กิจการดำเนินไปโดยเรียบร้อยและมีการจำหน่ายน้ำประปาเป็น
ปกติ
การเพิกถอนสัมปทาน :
1. ระหว่างอายุสัมปทาน ผู้ให้สัมปทานมีอำนาจเพิกถอนสัมปทานได้ด้วยเหตุหนึ่งเหตุใด ดังต่อไปนี้
(ก) ผู้รับสัมปทานละเลยไม่ก่อสร้างและตั้งโรงงานทำการประปากับเครื่องอุปกรณ์ให้เสร็จภายใน 7 เดือน นับแต่วันที่
ลงนามในสัมปทานนี้
(ข) ผู้รับสัมปทานละเลยไม่จำหน่ายน้ำประปาเป็นเวลาเกินกว่า 3 วัน เว้นแต่การละเลยนั้นจะเกิดจากเหตุสุดวิสัย
(ค) ผู้รับสัมปทานละเลยไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ หรือเงื่อนไขข้อหนึ่งข้อใดซึ่งกำหนดไว้ในสัมปทาน หรือต่อท้าย
สัมปทาน
(ง) เมื่อโรงงานทำการประปา เครื่องอุปกรณ์ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดอันเป็นส่วนสำคัญของกิจการประปานั้นถูกยึดตามคำ
พิพากษาของศาล
2. เมื่อสัมปทานนี้ได้กำหนดไว้โดยเฉพาะว่า ให้ผู้ให้สัมปทานมีอำนาจปรับผู้รับสัมปทานในกรณีที่ผู้รับสัมปทานละเลยไม่
ปฏิบัติตามข้อบังคับ หรือเงื่อนไขข้อหนึ่งข้อใดซึ่งกำหนดไว้ในสัมปทาน ผู้ให้สัมปทานจะเพิกถอนสัมปทานนี้ไม่ได้ เว้นแต่
ผู้รับสัมปทานยังคงฝ่าฝืนเป็นเวลาเดือนหนึ่งหรือกว่านั้น ตามแต่ผู้ให้สัมปทานจะเห็นสมควรกำหนด และผู้ให้สัมปทานได้
เตือนผู้รับสัมปทานเป็นหนังสือไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนมีคำสั่งเพิกถอนสัมปทาน
ในเมื่อสัมปทานมิได้กำหนดไว้โดยเฉพาะว่า ให้ผู้ให้สัมปทานมีอำนาจปรับผู้รับสัมปทานในกรณีที่ผู้รับสัมปทานละเลย
ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับหรือเงื่อนไขข้อหนึ่งข้อใด ซึ่งกำหนดไว้ในสัมปทานนั้น นอกจากกรณีที่ระบุไว้ในข้อ (1) (ข) และ
(ง) ผู้ให้สัมปทานจะปรับผู้รับสัมปทานเป็นเงินหนึ่งร้อยบาท และปรับเรียงรายวันอีกวันละห้าสิบบาทตลอดเวลาที่ผู้รับ
สัมปทานยังคงฝ่าฝืนอยู่ก็ได้ และผู้ให้สัมปทานจะเพิกถอนสัมปทานไม่ได้ เว้นแต่ผู้รับสัมปทานยังคงฝ่าฝืนอยู่ต่อไป และ
ผู้ให้สัมปทานได้เตือนผู้รับสัมปทานเป็นหนังสือดังกำหนดไว้
การคิดราคาน้ำประปา :
ให้ผู้รับสัมปทานคิดค่าน้ำประปาจากผู้ใช้น้ำได้ตามรายละเอียดในสัญญาซื้อขายน้ำประปาระหว่างการประปาส่วน
ภูมิภาคกับผู้รับสัมปทาน ฉบับลงวันที่ 21 กันยายน 2543 โดยอัตราค่าน้ำประปาซึ่งกำหนดไว้ข้างต้นนั้นอาจเปลี่ยนแปลง
ได้ตามเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
(ก) ในกรณีที่ค่าใช้จ่ายในการทำน้ำประปาได้เพิ่มขึ้น ผู้รับสัมปทานอาจเพิ่มอัตราค่าจำหน่ายน้ำประปาขึ้นจากอัตราที่ใช้อยู่
ได้ตามส่วนมากและน้อยตามรายละเอียดในสัญญาซื้อขายน้ำประปาระหว่างการประปาส่วนภูมิภาค กับผู้รับสัมปทาน ฉบับ
ลงวันที่ 21 กันยายน 2543
(ข) ในกรณีที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมิได้เป็นผู้รับสัมปทาน เมื่อสิ้นระยะเวลา 3 ปี นับแต่วันลงนามในสัมปทานนี้ ถ้า
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นหรือผู้ใช้น้ำขอร้องมายังผู้ให้สัมปทานให้เปลี่ยนอัตราหรือวิธีคิดค่าน้ำประปา ผู้ให้สัมปทานมี
อำนาจจะพิจารณา และถ้าเป็นที่พอใจว่าการเปลี่ยนอัตราค่าน้ำประปาหรือการแก้ไขวิธีคิดค่าน้ำประปานั้นเป็นการสมควร
โดยเหตุที่พฤติการณ์อันเป็นบรรทัดฐานที่ได้กำหนดอัตราหรือวิธีการคิดค่าน้ำประปาที่ใช้อยู่นั้นได้เปลี่ยนแปลงไปก็ให้มี
อำนาจสั่งเป็นหนังสือให้ใช้อัตราและวิธีคิดค่าน้ำใหม่แทนได้ตามที่ผู้ให้สัมปทานจะเห็นเป็นการยุติธรรมและสมควร คำสั่ง
นั้นผู้รับสัมปทานจะต้องปฏิบัติตาม
(ค) ถ้าผู้รับสัมปทานประสงค์จะลดอัตราค่าน้ำประปา ก็มีสิทธิจะลดค่าน้ำประปาได้ไม่ว่าในเวลาใด แต่ต้องแจ้งให้ผู้ให้
สัมปทานทราบล่วงหน้า 15 วัน
การสิ้นสุดของสัญญา : สัมปทานสิ้นสุดลงในกรณีดังต่อไปนี้
(ก) กรณีสิ้นสุดอายุสัมปทาน 25 ปี โดยไม่มีการต่ออายุ
(ข) กรณีผู้รับสัมปทานคืนสัมปทานเมื่อเลิกกิจการ ผู้รับสัมปทานจะต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ให้สัมปทานทราบล่วงหน้าก่อน
6 เดือนเป็นอย่างน้อย และเมื่อผู้รับสัมปทานได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้ให้สัมปทานแล้วจึงจะเลิกกิจการได้ ในกรณี
เช่นนี้ให้นำข้อบังคับในหมวด 5 แห่งสัมปทานนี้ ซึ่งว่าด้วยสัมปทานสิ้นอายุและการเพิกถอนสัมปทานมาใช้บังคับโดย
อนุโลม
(ค) กรณีเมื่อผู้รับสัมปทานได้ทำการไปได้ 12 ปีครึ่งนับแต่วันที่ ได้ลงนามในสัมปทาน (วันที่ 11 มีนาคม 2548) และ
รัฐบาลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประสงค์ซื้อกิจการประปาของผู้รับสัมปทานทั้งหมด (ในราคาตลาดหรือราคาที่
อนุญาโตตุลาการกำหนดในกรณีที่ไม่สามารถตกลงราคากันได้) ให้ผู้ให้สัมปทานมีสิทธิถอนคืนสัมปทาน
(ง) กรณีเมื่อถูกเพิกถอนสัมปทาน
การจ่ายเงินปันผล :
การจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิจะกระทำได้ต่อเมื่อมีการกันเงินกำไรสุทธิในอัตราร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิประจำปีไว้
เป็นทุนสำรองแล้ว ส่วนกำไรที่เหลือภายหลังการจ่ายปันผลให้โอนไปบัญชีกำไรสะสม
ทุนสำรองนั้นให้ฝากประจำไว้ที่ธนาคาร ถ้ามีจำนวนเกินกว่าร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว บริษัทสามารถเอา
เงินจำนวนส่วนที่เกินกว่าร้อยละ 10 ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วไปลงทุนซื้อพันธบัตร หรือตราสารการเงินอื่นเพื่อหา
ผลประโยชน์ได้ โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ให้สัมปทานก่อน
ค่าธรรมเนียม :
ตั้งแต่วันเริ่มทำการจำหน่ายน้ำประปาเป็นต้นไป ผู้รับสัมปทานต้องส่งเงินให้แก่ผู้ให้สัมปทานเพื่อทดแทนค่าใช้จ่าย
ของเจ้าพนักงานผู้ตรวจการของผู้ให้สัมปทานในปีหนึ่งตามปฏิทินเป็นอัตราตายตัวในอัตรา 5 บาทต่อหนึ่งลูกบาศก์เมตร
ของปริมาณน้ำที่ทำได้เต็มกำลังในหนึ่งชั่วโมง แต่เงินจำนวนนี้จะต้องชำระไม่น้อยกว่า 50 บาท หรือมากกว่า 200 บาทต่อ
หนึ่งปี เงินจำนวนนี้จะต้องชำระล่วงหน้าปีละครั้งภายในเดือนธันวาคม ของทุกปี สำหรับในปีแรก จะต้องชำระเงินตาม
ส่วนมากและน้อยแห่งปีตามที่เปิดทำการมาแล้วให้แก่ผู้ให้สัมปทาน ทั้งนี้ ให้ชำระภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่ได้เริ่ม
จำหน่ายน้ำประปาหรือถ้าหากเวลาที่เปิดทำการยังไม่ทันครบ 3 เดือนก็สิ้นปี ก็ให้ชำระเงินก่อนสิ้นปี
3. สัญญาการบริหารจัดการและการซ่อมบำรุง (Operation and Maintenance Agreement) และสัญญาแก้ไข
เพิ่มเติม
คู่สัญญา : วอเตอร์โฟลว์ (ผู้ดำเนินกการ) และบริษัท (ผู้ว่าจ้าง)
วันที่ลงนามในสัญญา : 12 มิถุนายน 2544 และสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมลงวันที่ 1 เมษายน 2549
ระยะเวลาตามสัญญา : 30 ปี นับจากวันเริ่มซื้อขายน้ำประปา คือวันที่ 21 กรกฎาคม 2547
ขอบเขตการให้บริการ :
(1) ผู้ว่าจ้างแต่งตั้งให้ผู้ดำเนินการรับผิดชอบในการดำเนินการ การบำรุงรักษาและการบริหารจัดการระบบผลิตน้ำประปา
และการบำรุงรักษาท่อจ่ายน้ำ (LDN) รวมทั้งให้บริการแก่ผู้ว่าจ้างตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา โดยผู้ดำเนินการต้องมี
ความชำนาญในการปฏิบัติงาน และมีบุคลากรรวมถึงอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการและการบำรุงรักษาระบบผลิต
น้ำประปา และการบำรุงรักษาท่อจ่ายน้ำ (LDN) เพื่อให้เป็นไปตามที่กำหนดในสัญญา เงื่อนไขของความยินยอมที่เกี่ยวข้อง
กับการดำเนินการและการซ่อมบำรุงระบบผลิตน้ำประปาและการซ่อมบำรุงท่อจ่ายน้ำ ข้อกำหนดต่างๆ เกี่ยวกับการควบคุม
คุณภาพ แผนการดำเนินการและการซ่อมบำรุง คู่มือการดำเนินการและการซ่อมบำรุง ข้อแนะนำของผู้ผลิต ข้อกำหนดด้าน
ความปลอดภัย เงื่อนไขตามกรรมธรรม์ประกันภัย และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
(2) ผู้ดำเนินการมีหน้าที่จัดการให้ระบบผลิตน้ำมีกำลังการผลิตเพียงพอสำหรับปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่จะต้องจัดส่งให้แก่
ผู้ซื้อ (Minimum Availability) ซึ่งเท่ากับปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อในขณะนั้น (Minimum Offtake Quantity) บวก
ด้วย 7% ของปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อในขณะนั้นหรือ 20,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันแล้วแต่อย่างใดจะน้อยกว่า แต่
ผู้ดำเนินการไม่มีหน้าที่ต้องส่งน้ำประปาเกินกว่าปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่จะต้องจัดส่งให้แก่ผู้ซื้อ
(3) ผู้ดำเนินการมีหน้าที่จัดเตรียมและส่งรายงานผลการดำเนินงานรายเดือนและรายปีแก่ผู้ว่าจ้าง จัดทำและส่งแผนการ
บริหารจัดการประจำปีและการประมาณการสำหรับปีสัญญาถัดไปแก่ผู้ว่าจ้างภายใน 90 วัน ก่อนวันสิ้นสุดปีแห่งสัญญา
ผู้ดำเนินการมีหน้าที่ทดสอบและตรวจตรามาตรวัดน้ำประปา
(4) ผู้ดำเนินการจะเป็นผู้รับผิดชอบด้วยค่าใช้จ่ายของตนเองสำหรับอะไหล่สำรองเพื่อการบำรุงรักษาเพื่อการป้องกันตาม
แผนการ (Planned Preventative Maintenance: PPM Spares) โดยผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดหาซึ่งอะไหล่
พื้นฐานสำหรับการผลิต (Essential Running Spares: ER Spares) และอุปกรณ์เพื่อการทดแทนและเพื่อการปรับปรุงใหม่
(Replacement and Refurbished Plant: RR Plant) ที่จำเป็นในการรักษาความมั่นคงของระบบผลิตน้ำประปา นอกจากนี้
ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบในค่าไฟฟ้าและค่าสารเคมีสำหรับการดำเนินการระบบผลิตน้ำประปาและการผลิตน้ำประปาเอง
(5) นอกเหนือจากการให้บริการที่ระบุไว้ในสัญญา ผู้ว่าจ้างอาจขอให้ผู้ดำเนินการให้บริการอื่นๆ เพิ่มเติมตามแต่ที่จะได้ตก
ลงกัน
ค่าบริการ :
(1) ค่าบริการรายเดือนคิดตามปริมาณน้ำประปาที่ได้ส่งมอบให้กับการประปาส่วนภูมิภาค ทั้งนี้อัตราค่าบริการรายเดือน
สำหรับปี 2550 เท่ากับ 0.258613 บาท ต่อลูกบาศก์เมตรของน้ำประปาที่ได้ส่งมอบภายในเดือนนั้น (ไม่รวม
ภาษีมูลค่าเพิ่ม) ค่าบริการจะมีการปรับปรุงในวันที่ 1 มกราคมของทุกปีตามดัชนีราคาผู้บริโภคภาคกลาง ชุดทั่วไป
(2) อัตราค่าบริการสำหรับการให้บริการอื่นๆ นอกเหนือไปจากที่กำหนดในสัญญานี้ เท่ากับ ค่าใช้จ่ายโดยตรงของ
ผู้ดำเนินการบวกด้วย 15% และภาษีมูลค่าเพิ่ม
การชดใช้ค่าเสียหาย :
(1) ผู้ดำเนินการต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ว่าจ้างในกรณีที่เกิดความรับผิด ความเสียหาย ความสูญหาย การบาดเจ็บ
อันเนื่องมาจากการการปฏิบัติ หรือการละเลยไม่ปฏิบัติ ความบกพร่องจากการปฏิบัติการให้บริการและหน้าที่ตามสัญญานี้
โดยเจตนา หรือความประมาทเลินเล่อของผู้ดำเนินการ ลูกจ้างของผู้ดำเนินการ ผู้ดำเนินการช่วง หรือตัวแทน
(2) ผู้ดำเนินการจะต้องรับประกันว่าระบบการผลิตน้ำประปามีความสามารถเพียงพอที่จะนำส่งน้ำประปาตามปริมาณความ
พร้อมใช้ขั้นต่ำ หากผู้ดำเนินการไม่สามารถทำได้โดยเป็นความผิดของผู้ดำเนินการ ผู้ดำเนินการจะต้องชำระค่าปรับเป็น
จำนวนเท่ากับปริมาณน้ำที่ขาดคูณด้วยอัตราค่าบริการ ในกรณีที่ผู้ดำเนินการไม่สามารถผลิตน้ำประปาในปริมาณตามความ
ต้องการดังกล่าวเป็นเวลานานกว่า 20 วันติดต่อกัน ผู้ดำเนินการจะต้องจ่ายค่าปรับไม่น้อยกว่า 250,000 บาท ทั้งนี้ค่าปรับ
รวมในรอบปีใดๆ จะต้องไม่เกิน 1,000,000 บาท
(3) หากผู้ดำเนินการไม่สามารถผลิตน้ำประปาให้มีคุณภาพตามมาตรฐานน้ำประปาที่กำหนดเนื่องจากความผิดของ
(ยังมีต่อ)