21 พฤษภาคม 2551

) สรุปข้อสนเทศ :TTW (แก้ไขข้อมูลเงินปันผลในตารางสถิติ)

คู่สัญญา : วอเตอร์โฟลว์ (ผู้ดำเนินกการ) และบริษัท (ผู้ว่าจ้าง) วันที่ลงนามในสัญญา : 12 มิถุนายน 2544 และสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมลงวันที่ 1 เมษายน 2549 ระยะเวลาตามสัญญา : 30 ปี นับจากวันเริ่มซื้อขายน้ำประปา คือวันที่ 21 กรกฎาคม 2547 ขอบเขตการให้บริการ : (1) ผู้ว่าจ้างแต่งตั้งให้ผู้ดำเนินการรับผิดชอบในการดำเนินการ การบำรุงรักษาและการบริหารจัดการระบบผลิตน้ำประปา และการบำรุงรักษาท่อจ่ายน้ำ (LDN) รวมทั้งให้บริการแก่ผู้ว่าจ้างตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา โดยผู้ดำเนินการต้องมี ความชำนาญในการปฏิบัติงาน และมีบุคลากรรวมถึงอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการดำเนินการและการบำรุงรักษาระบบผลิต น้ำประปา และการบำรุงรักษาท่อจ่ายน้ำ (LDN) เพื่อให้เป็นไปตามที่กำหนดในสัญญา เงื่อนไขของความยินยอมที่เกี่ยวข้อง กับการดำเนินการและการซ่อมบำรุงระบบผลิตน้ำประปาและการซ่อมบำรุงท่อจ่ายน้ำ ข้อกำหนดต่างๆ เกี่ยวกับการควบคุม คุณภาพ แผนการดำเนินการและการซ่อมบำรุง คู่มือการดำเนินการและการซ่อมบำรุง ข้อแนะนำของผู้ผลิต ข้อกำหนดด้าน ความปลอดภัย เงื่อนไขตามกรรมธรรม์ประกันภัย และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (2) ผู้ดำเนินการมีหน้าที่จัดการให้ระบบผลิตน้ำมีกำลังการผลิตเพียงพอสำหรับปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่จะต้องจัดส่งให้แก่ ผู้ซื้อ (Minimum Availability) ซึ่งเท่ากับปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อในขณะนั้น (Minimum Offtake Quantity) บวก ด้วย 7% ของปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อในขณะนั้นหรือ 20,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันแล้วแต่อย่างใดจะน้อยกว่า แต่ ผู้ดำเนินการไม่มีหน้าที่ต้องส่งน้ำประปาเกินกว่าปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่จะต้องจัดส่งให้แก่ผู้ซื้อ (3) ผู้ดำเนินการมีหน้าที่จัดเตรียมและส่งรายงานผลการดำเนินงานรายเดือนและรายปีแก่ผู้ว่าจ้าง จัดทำและส่งแผนการ บริหารจัดการประจำปีและการประมาณการสำหรับปีสัญญาถัดไปแก่ผู้ว่าจ้างภายใน 90 วัน ก่อนวันสิ้นสุดปีแห่งสัญญา ผู้ดำเนินการมีหน้าที่ทดสอบและตรวจตรามาตรวัดน้ำประปา (4) ผู้ดำเนินการจะเป็นผู้รับผิดชอบด้วยค่าใช้จ่ายของตนเองสำหรับอะไหล่สำรองเพื่อการบำรุงรักษาเพื่อการป้องกันตาม แผนการ (Planned Preventative Maintenance: PPM Spares) โดยผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดหาซึ่งอะไหล่ พื้นฐานสำหรับการผลิต (Essential Running Spares: ER Spares) และอุปกรณ์เพื่อการทดแทนและเพื่อการปรับปรุงใหม่ (Replacement and Refurbished Plant: RR Plant) ที่จำเป็นในการรักษาความมั่นคงของระบบผลิตน้ำประปา นอกจากนี้ ผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้รับผิดชอบในค่าไฟฟ้าและค่าสารเคมีสำหรับการดำเนินการระบบผลิตน้ำประปาและการผลิตน้ำประปาเอง (5) นอกเหนือจากการให้บริการที่ระบุไว้ในสัญญา ผู้ว่าจ้างอาจขอให้ผู้ดำเนินการให้บริการอื่นๆ เพิ่มเติมตามแต่ที่จะได้ตก ลงกัน ค่าบริการ : (1) ค่าบริการรายเดือนคิดตามปริมาณน้ำประปาที่ได้ส่งมอบให้กับการประปาส่วนภูมิภาค ทั้งนี้อัตราค่าบริการรายเดือน สำหรับปี 2550 เท่ากับ 0.258613 บาท ต่อลูกบาศก์เมตรของน้ำประปาที่ได้ส่งมอบภายในเดือนนั้น (ไม่รวม ภาษีมูลค่าเพิ่ม) ค่าบริการจะมีการปรับปรุงในวันที่ 1 มกราคมของทุกปีตามดัชนีราคาผู้บริโภคภาคกลาง ชุดทั่วไป (2) อัตราค่าบริการสำหรับการให้บริการอื่นๆ นอกเหนือไปจากที่กำหนดในสัญญานี้ เท่ากับ ค่าใช้จ่ายโดยตรงของ ผู้ดำเนินการบวกด้วย 15% และภาษีมูลค่าเพิ่ม การชดใช้ค่าเสียหาย : (1) ผู้ดำเนินการต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ว่าจ้างในกรณีที่เกิดความรับผิด ความเสียหาย ความสูญหาย การบาดเจ็บ อันเนื่องมาจากการการปฏิบัติ หรือการละเลยไม่ปฏิบัติ ความบกพร่องจากการปฏิบัติการให้บริการและหน้าที่ตามสัญญานี้ โดยเจตนา หรือความประมาทเลินเล่อของผู้ดำเนินการ ลูกจ้างของผู้ดำเนินการ ผู้ดำเนินการช่วง หรือตัวแทน (2) ผู้ดำเนินการจะต้องรับประกันว่าระบบการผลิตน้ำประปามีความสามารถเพียงพอที่จะนำส่งน้ำประปาตามปริมาณความ พร้อมใช้ขั้นต่ำ หากผู้ดำเนินการไม่สามารถทำได้โดยเป็นความผิดของผู้ดำเนินการ ผู้ดำเนินการจะต้องชำระค่าปรับเป็น จำนวนเท่ากับปริมาณน้ำที่ขาดคูณด้วยอัตราค่าบริการ ในกรณีที่ผู้ดำเนินการไม่สามารถผลิตน้ำประปาในปริมาณตามความ ต้องการดังกล่าวเป็นเวลานานกว่า 20 วันติดต่อกัน ผู้ดำเนินการจะต้องจ่ายค่าปรับไม่น้อยกว่า 250,000 บาท ทั้งนี้ค่าปรับ รวมในรอบปีใดๆ จะต้องไม่เกิน 1,000,000 บาท (3) หากผู้ดำเนินการไม่สามารถผลิตน้ำประปาให้มีคุณภาพตามมาตรฐานน้ำประปาที่กำหนดเนื่องจากความผิดของ ผู้ดำเนินการเอง และมิได้เกิดจากเหตุสุดวิสัยหรือเหตุการณ์ที่ได้รับการยกเว้น หรือมิได้เกิดจากผู้ว่าจ้าง หรือคุณภาพของ น้ำดิบ ผู้ดำเนินการต้องจ่ายค่าปรับในอัตราที่กำหนดให้แก่ผู้ว่าจ้าง การเลิกสัญญา : (1) ผู้ว่าจ้างมีสิทธิเลิกสัญญาได้หากผู้ดำเนินการไม่สามารถนำส่งน้ำประปาตามปริมาณหรือคุณภาพที่กำหนดเป็นอาจิณ ซึ่งความบกพร่องดังกล่าวเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของผู้ดำเนินการ หรือผู้ดำเนินการไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดใน สัญญานี้ในข้อที่เป็นสาระสำคัญ หรือผู้ดำเนินการไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำหรือความต้องการอันมีเหตุสมควรของผู้ว่าจ้างเป็น อาจิณ หรือผู้ดำเนินการล้มละลาย เลิกกิจการ ถูกพิทักษ์ทรัพย์ และผู้ดำเนินการไม่สามารถแก้ไขเหตุดังกล่าวได้ภายใน ระยะเวลาที่กำหนด (2) ผู้ดำเนินการมีสิทธิเลิกสัญญาได้หากผู้ว่าจ้างไม่จ่ายค่าบริการภายในระยะเวลาที่กำหนดในสัญญา หรือฝ่าฝืนสัญญาใน ข้อที่เป็นสาระสำคัญ และผู้ว่าจ้างไม่สามารถแก้ไขเหตุดังกล่าวได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด (3) หากผู้ว่าจ้างใช้สิทธิเลิกสัญญาซื้อขายน้ำประปา ซึ่งรวมถึงกรณีการเลิกสัญญาเนื่องจากเหตุสุดวิสัย หรือเหตุการณ์ที่ เป็นข้อยกเว้น ผู้ว่าจ้างอาจเลิกสัญญานี้โดยให้มีผลในวันที่มีการเลิกสัญญาซื้อขายน้ำประปาก็ได้ ด้วยการทำเป็นหนังสือ บอกกล่าวไปยังผู้ดำเนินการ ทั้งนี้ผู้ว่าจ้างต้องจ่ายค่าบริการจนถึงวันเลิกสัญญา รวมถึงค่าใช้จ่ายตามสมควรจากการยกเลิก การให้บริการให้แก่ผู้ดำเนินการ (4) หากการประปาส่วนภูมิภาคใช้สิทธิเลิกสัญญาซื้อขายน้ำประปาเนื่องจากการไม่ปฏิบัติตามสัญญาของผู้ว่าจ้าง ผู้ว่าจ้าง อาจเลิกสัญญานี้โดยให้มีผลในวันที่มีการเลิกสัญญาซื้อขายน้ำประปาก็ได้ ด้วยการทำเป็นหนังสือบอกกล่าวไปยัง ผู้ดำเนินการ ทั้งนี้ผู้ว่าจ้างต้องจ่ายค่าบริการจนถึงวันสิ้นสุดสัญญา รวมถึงค่าใช้จ่ายตามสมควรจากการยกเลิกการให้บริการ ให้แก่ผู้ดำเนินการ ประปาปทุมธานี 1. สัญญาให้สิทธิดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปา คู่สัญญา : การประปาส่วนภูมิภาค และประปาปทุมธานี วันที่ลงนามในสัญญา : 31 สิงหาคม 2538 แก้ไขเพิ่มเติมเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2549 ระยะเวลาตามสัญญา : 25 ปี นับจากวันเริ่มประกอบกิจการ (คือวันที่ 15 ตุลาคม 2541) วัตถุประสงค์ของสัญญา : กปภ. ได้ให้สิทธิการจำหน่ายน้ำประปาไม่เกิน 288,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ให้แก่ กปภ. ในเขตปทุมธานีและรังสิต เพื่อทดแทนระบบผลิตน้ำประปาจากบ่อบาดาลของ กปภ. และเพื่อเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำประปาให้เพียงพอต่อการ ต้องการของประชาชน โดย กปภ.จะส่งน้ำประปาจากประปาปทุมธานี เข้าสู่ระบบรับน้ำประปาของผู้บริโภคเพื่อขายให้แก่ ประชาชนอีกทอดหนึ่ง และประปาปทุมธานีตกลงที่จะเป็นผู้ก่อสร้างระบบจ่ายน้ำประปาให้แก่ประชาชนเอง ซึ่งประปา ปทุมธานีตกลงจะเป็นผู้ลงทุนและรับผิดชอบในผลกำไรขาดทุนทั้งหมดแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยที่ ณ วันเริ่มประกอบกิจการ (กล่าวคือวันที่ 15 ตุลาคม 2541) ประปาปทุมธานี ตกลงโอนกรรมสิทธิ์ในระบบจ่ายน้ำประปาให้แก่ประชาชนให้เป็นของ กปภ. และ ในเวลา 24.00 น. ของวันที่ครบกำหนด 25 ปี หลังจากวันเริ่มประกอบกิจการ (กล่าวคือวันที่ 14 ตุลาคม 2566) กรรมสิทธิ์ในระบบผลิตน้ำประปาจะตกเป็นของ กปภ. การซื้อขายน้ำประปา : (1) ปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อในวันเริ่มประกอบกิจการเท่ากับ 140,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และในทุกๆ ระยะเวลา 12 เดือน กปภ. จะกำหนดปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อให้แก่ผู้รับสิทธิ ทั้งนี้ ปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อในแต่ละปี จะต้องไม่ต่ำกว่าปริมาณน้ำประปาที่กำหนดไว้ในปีก่อนหน้านั้น โดย กปภ. จะต้องกำหนดปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อ ไว้ในคำบอกกล่าวที่ส่งให้แก่ผู้รับสิทธิ ก่อนครบกำหนด 15 วัน ของเวลาสิ้นสุดในแต่ละปี ซึ่งปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้อง ซื้อดังกล่าว จะมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 12 เดือน นับต่อจากเวลาที่สิ้นสุดในแต่ละปี ผู้รับสิทธิจะทำให้ระบบผลิตน้ำประปามีกำลังผลิตเพียงพอที่จะส่งน้ำในปริมาณน้ำขั้นต่ำที่ต้องซื้อบวกกับร้อยละ 30 ของปริมาณน้ำดังกล่าวตลอดเวลา ณ จุดรับส่งน้ำตามที่การประปากำหนดตั้งแต่วันเริ่มประกอบกิจการ เมื่อ กปภ.คาดเห็นได้ว่า ความต้องการน้ำประปาของผู้บริโภคในเขตปทุมธานีและรังสิตจะเกินปริมาณ 288,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน กปภ.มีสิทธิเริ่มดำเนินโครงการที่จะจัดหาน้ำประปาให้แก่ผู้บริโภคในส่วนที่เกินนั้นได้ ไม่ว่า กปภ.จะ ดำเนินการเอง หรือให้เอกชนรายหนึ่งรายใดดำเนินการ แม้ยังไม่ครบกำหนดระยะเวลาของสัญญาก็ตาม แต่กปภ. จะรับซื้อ น้ำประปาจากแหล่งอื่นหรือดำเนินการจ่ายน้ำประปาแก่ผู้บริโภคส่วนที่เกินดังกล่าวข้างต้นได้ต่อเมื่อปริมาณน้ำขั้นต่ำที่ต้อง ซื้อครบจำนวน 288,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวันแล้ว (2) ประปาปทุมธานี จะทำการเฉลี่ยปริมาณน้ำประปาที่ประปาปทุมธานี ได้จัดส่งให้ กปภ. ทุกรอบระยะเวลา 12 เดือน นับ จากวันเริ่มประกอบกิจการ หากปรากฏว่ามูลค่าเฉลี่ยของปริมาณน้ำประปาที่จัดส่งให้ในรอบระยะเวลา 12 เดือน ต่ำกว่า ปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อ กปภ. จะชำระค่าน้ำประปาเพิ่มให้แก่ประปาปทุมธานี ตามปริมาณที่ต่ำกว่าปริมาณ น้ำประปาขั้นต่ำที่ต้องซื้อ โดย กปภ.ต้องชำระค่าน้ำประปาในส่วนเพิ่มดังกล่าว ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับใบแจ้งหนี้ แต่ถ้าในช่วงเวลาใดในระยะ 12 เดือนดังกล่าว ซึ่งผู้รับสิทธิจัดส่งน้ำประปาให้การประปาได้ไม่ถึงปริมาณน้ำขั้นต่ำที่ ต้องซื้อ หรือมีเหตุฉุกเฉินซึ่งการประปาสั่งให้ผู้รับสิทธิหยุดสูบจ่ายน้ำหรือลดปริมาณการส่งน้ำชั่วคราวตามข้อ 10.7 ให้ถือ ว่าการประปาไม่มีความผูกพันที่ต้องจ่ายค่าน้ำประปาตามปริมาณน้ำขั้นต่ำที่ต้องซื้อในช่วงเวลานั้น ดังนั้น ในการหามูลค่า เฉลี่ยของปริมาณน้ำประปาที่ผู้รับสิทธิได้จัดส่งให้การประปาในรอบระยะเวลา 12 เดือนในวรรคก่อน จึงมิให้นำระยะเวลา และปริมาณน้ำประปาสำหรับช่วงเวลาดังกล่าวไปรวมคำนวณ อัตราค่าน้ำประปา : นับจากวันเริ่มประกอบกิจการ กปภ.จะชำระค่าน้ำประปาให้แก่ประปาปทุมธานี เป็นรายเดือน ในอัตรา 7.89 บาทต่อ ลูกบาศก์เมตร (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยอัตราดังกล่าวจะปรับราคาทุกวันที่ 1 มกราคม ของแต่ละปีตามสูตรการคำนวณ ที่กำหนดในสัญญา การเช่าเพื่อต่ออายุการประกอบการ : หากประปาปทุมธานี ต้องการจะเช่าระบบผลิตน้ำประปาจาก กปภ. หลังจากที่ประปาปทุมธานี ได้โอนระบบผลิต น้ำประปาให้แก่ กปภ. แล้ว ประปาปทุมธานีจะต้องแจ้งความต้องการเป็นหนังสือให้ กปภ. ทราบ หลังจากครบรอบปีที่ 24 ของวันเริ่มประกอบกิจการ และล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือนก่อนวันที่มีการโอนระบบผลิตน้ำประปา ถ้าประปาปทุมธานีไม่ แจ้งความต้องการภายในระยะเวลาดังกล่าวให้ถือว่าไม่ต้องการที่จะเช่า ทั้งนี้ กปภ. อาจยินยอมให้ประปาปทุมธานี เช่า ระบบผลิตน้ำประปาเป็นระยะเวลา 10 ปี และภายใน 30 วันนับจากได้รับการแจ้งดังกล่าว คู่สัญญาจะตกลงเกี่ยวกับอัตราค่า เช่าและรายละเอียดของการเช่าและสัญญาเช่า โดยการขายน้ำประปาในระหว่างระยะเวลาการเช่า ยังคงมีข้อกำหนดและ เงื่อนไขตามที่ระบุไว้ในสัญญานี้ทุกประการ หากสิ้นสุดระยะเวลาการเช่าดังกล่าวแล้ว และประปาปทุมธานี ต้องการจะเช่า ระบบผลิตน้ำประปาจาก กปภ. ต่อไปอีก ประปาปทุมธานี สามารถเช่าระบบผลิตน้ำประปาได้อีกเพียงครั้งเดียวมีกำหนด ระยะเวลาการเช่าไม่เกิน 10 ปี การบอกเลิกสัญญา : (1) กปภ. มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้หาก (ก) ประปาปทุมธานี ไม่สามารถเริ่มงานได้ภายใน 90 วัน นับจากวันที่ลงนามในสัญญานี้ หรือ (ข) ประปาปทุมธานี ไม่สามารถดำเนินการให้มีวันเริ่มประกอบกิจการได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือ (ค) ประปาปทุมธานี ไม่สามารถจัดส่งน้ำตามปริมาณน้ำขั้นต่ำที่จะต้องจัดส่งให้แก่การประปา ตามสัญญาได้ หรือ (ง) ประปาปทุมธานีไม่สามารถผลิตน้ำให้ตรงตามมาตรฐานน้ำตามที่กำหนด หรือ (จ) ประปาปทุมธานี ปฏิบัติผิดสัญญาหลักประกัน หรือ (ฉ) ประปาปทุมธานี ละเมิดข้อสัญญาที่เป็นสาระสำคัญ กปภ. จะต้องส่งคำบอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรมายังประปาปทุมธานี โดยระบุถึงการผิดสัญญาและแจ้งให้ประปา ปทุมธานีปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาภายใน 3 เดือน หรือในระยะเวลาที่ยาวกว่าที่ กปภ.เห็นสมควร (แต่ไม่เกิน 12 เดือน) หากไม่ได้มีการแก้ไขก่อนสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าว กปภ. สามารถบอกเลิกสัญญาได้โดยแจ้งเป็นหนังสือไปยังผู้แทนของ ผู้สนับสนุนทางการเงินล่วงหน้าเป็นเวลา 3 เดือน อย่างไรก็ตาม หากภายในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้แทนของผู้สนับสนุนทาง การเงินได้ใช้สิทธิในการโอนสิทธิเรียกร้องโดยการให้องค์กรอื่นเข้ามาดำเนินการแทนประปาปทุมธานี ตามสัญญานี้แล้ว และได้ตกลงเข้าแก้ไขการปฏิบัติผิดสัญญานั้นภายในเวลาที่เหมาะสมแล้ว กปภ. ไม่สามารถเลิกสัญญานี้ได้ หากผู้แทน ของผู้สนับสนุนทางการเงินไม่ได้ใช้สิทธิในการโอนสิทธิเรียกร้อง ภายในระยะเวลาดังกล่าว กปภ. สามารถเลิกสัญญานี้ได้ และ กปภ. มีสิทธิริบหนังสือค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญาและระบบผลิตน้ำประปาตกเป็นของ กปภ. และเรียกค่าเสียหาย ในส่วนที่เกินหลักประกันได้ ในกรณีเกิดเหตุตาม (ค) และ (ง) และในระหว่างที่ กปภ. ยังมิได้บอกเลิกสัญญา กปภ. มีสิทธิบรรเทาความเสียหาย และความเดือดร้อนของประชาชนโดยการจัดหาน้ำประปาจากแหล่งอื่นมาจำหน่ายแก่ประชาชน ถ้า กปภ. ได้รับความ เสียหายหรือต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเนื่องจากการบรรเทาความเสียหายดังกล่าว กปภ. มีสิทธิได้รับชดใช้ค่าเสียหายหรือ ค่าใช้จ่ายคืนจากประปาปทุมธานี ภายใน 30 วันนับแต่วันได้รับแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร (2) ประปาปทุมธานี มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้หาก (ก) กปภ. ละเมิดข้อสัญญาอันเป็นสาระสำคัญ หรือ (ข) หน่ วยงานของรั ฐเข้ มาขั ดขวางหรื อแทรกแซงการดำเนิน งานตามโครงการหรื อการดำ เนิน งานของระบบผลิต น้ำประปา หรือการก่อสร้างระบบจ่ายน้ำประปาให้แก่ประชาชนเว้นแต่มีข้อกำหนดในสัญญานี้อนุญาตให้ทำได้ โดย มิได้เป็นความผิดของผู้รับสิทธิ ประปาปทุมธานีอาจส่งคำบอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรมายังกปภ.โดยระบุถึงการปฏิบัติผิดสัญญาและแจ้งให้ กปภ. ปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาภายใน 3 เดือน หรือในระยะเวลาที่ยาวกว่าที่ประปาปทุมธานีเห็นสมควร (แต่ไม่เกิน 12 เดือน) หากไม่ได้มีการแก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ ประปาปทุมธานีสามารถบอกเลิกสัญญาได้ เมื่อมีการบอกเลิก สัญญาให้โอนระบบผลิตน้ำประปาให้แก่กปภ.โดยกปภ.จะต้องจ่ายค่าชดเชยให้ประปาปทุมธานีเป็นจำนวนเงินที่ ประกอบด้วยราคา ค่าใช้จ่ายซึ่งเกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวโดยตรงกับงานที่ลงบัญชีได้ตามความเหมาะสมค่าใช้จ่าย เกี่ยวกับการเงิน และราคาความสูญเสียและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นแก่ประปาปทุมธานี และการสูญเสียรายได้จากระยะเวลาที่ คงเหลือ ของระยะเวลาของสัญญาของประปาปทุ มธานี อันเป็นผลมาจากการบอกเลิกสัญญาก่อนกำหนดทั้งนี้จำนวน ค่าชดเชยซึ่งรวมทั้งราคาความสู ญเสียและค่าใช้จ่ายจะกำหนดโดยวิศวกรอิสระ (โดยทำหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญและมิใช่ อนุญาโตตุลาการ) โดยพิจารณาประกอบกับการตรวจสอบทางบัญชีซึ่งจะทำในทันทีนับจากวันที่มีการบอกเลิกสัญญา 2. สัญญาซื้อขายน้ำประปาเพื่อใช้ในพื้นที่สำนักงานประปารังสิต จังหวัดปทุมธานี คู่สัญญา : การประปาส่วนภูมิภาค และประปาปทุมธานี วันที่ลงนามในสัญญา : 15 กันยายน 2549 ระยะเวลาตามสัญญา : นับจากวันที่ประปาปทุมธานี สามารถขายน้ำประปาให้แก่ กปภ.ได้ จนถึงวันที่ 14 ตุลาคม 2566 วัตถุประสงค์ของสัญญา : กปภ. มีความประสงค์จะซื้อน้ำประปาจากประปาปทุมธานี เพิ่มในปริมาณ 70,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพื่อใช้ในพื้นที่ สำนักงานประปารังสิต จังหวัดปทุมธานี โดยใช้ทรัพย์สินบางส่วนจากโครงการในสัญญาให้สิทธิดำเนินการผลิตและ จำหน่ายน้ำประปา ลงวันที่ 31 สิงหาคม 2538 อัตราค่าน้ำประปา : อัตราค่าน้ำประปาประจำปี 2549 (1 มกราคม - 31 ธันวาคม) คือ 9.90 บาท ต่อลูกบาศก์เมตร (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยอัตราดังกล่าวจะมีการปรับราคาทุกวันที่ 1 มกราคมของแต่ละปี โดยจะเริ่มปรับครั้งแรกในวันที่ 1 มกราคม 2550 ตาม สูตรการคำนวณที่กำหนดในสัญญา การต่ออายุสัญญา : หากประปาปทุมธานี มีความประสงค์จะขยายระยะเวลาของสัญญาออกไปอีก ประปาปทุมธานีจะต้องแจ้งให้ กปภ. ทราบภายในเวลาไม่น้อยกว่า 180 วัน ก่อนครบกำหนดสัญญา ทั้งนี้ การพิจารณาให้ขยายระยะเวลาของสัญญาเป็นดุลย พินิจของ กปภ. แต่เพียงผู้เดียว การโอนสิทธิเรียกร้อง : ประปาปทุมธานี สามารถโอนสิทธิการรับเงินค่าน้ำประปา ของประปาปทุมธานี จาก กปภ. ให้แก่ผู้สนับสนุนทางการเงิน หรือบุคคลอื่นใดได้ โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจาก กปภ. แต่เมื่อโอนแล้ว ประปาปทุมธานี ต้องแจ้งการโอนให้ กปภ. ทราบเป็นหนังสือภายใน 30 วัน นับจากวันโอนสิทธิ การบอกเลิกสัญญา เบี้ยปรับ และการริบหลักประกัน : หากประปาปทุมธานีไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงระบบผลิต-ส่งน้ำประปาและอื่นๆ ให้สามารถผลิต-ส่ง น้ำประปาที่มีปริมาณและคุณภาพตามที่กำหนดในสัญญา ภายในระยะเวลาตามที่กำหนด ให้ถือว่าประปาปทุมธานีผิด สัญญา และ กปภ. มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ในทันที โดยประปาปทุมธานีไม่อาจเรียกค่าเสียหายใด ๆ จาก กปภ. ได้ทั้งสิ้น ในกรณีที่ กปภ. ไม่ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา กปภ. มีสิทธิปรับประปาปทุมธานี เป็นรายวัน ในอัตราร้อยละ 0.2 ของมูลค่า ค่าน้ำตามปริมาณน้ำขั้นต่ำที่ต้องซื้อตามสัญญา คูณด้วยอัตราค่าน้ำประปาของปีนั้น ค่าปรับจะนับตั้งแต่วันที่ผู้ขายได้ทำผิด สัญญาดังกล่าว จนถึงวันที่ผู้ขายได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาทุกประการ เศษของวันให้คิดเป็นหนึ่งวันเต็ม ทั้งนี้ โดยผู้ ซื้อไม่จำต้องบอกกล่าวหรือแจ้งสงวนสิทธิการปรับแก่ผู้ขายเป็นการล่วงหน้าแต่อย่างใด ในกรณีที่ กปภ. ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญา กปภ.มีสิทธิริบหลักประกัน หรือเรียกร้องจากธนาคารผู้ออกหนังสือค้ำประกัน ตามสัญญาได้ รวมทั้งมีสิทธิเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติผิดสัญญาของประปาปทุมธานีด้วย และหากเป็นกรณีที่ ประปาปทุมธานีต้องถูกปรับตามข้างต้นรวมอยู่ด้วย กปภ.มีสิทธิเรียกค่าปรับดังกล่าว นับแต่วันที่ประปาปทุมธานีได้ทำผิด สัญญา จนถึงวันบอกเลิกสัญญา เพิ่มขึ้นอีกต่างหากด้วย 3. สัมปทานประกอบกิจการประปา ผู้ให้สัมปทาน : กระทรวงมหาดไทย ผู้รับสัมปทาน : ประปาปทุมธานี วันที่ได้รับอนุญาต : 13 มกราคม 2543 ระยะเวลาตามสัญญา : 25 ปีนับจากวันที่ได้ลงนามในสัมปทาน วัตถุประสงค์ของสัญญา : เพื่อเป็นการให้สิทธิแก่ผู้รับสัมปทาน ในฐานะผู้รับสัมปทานในการทำการประปาและทำการจำหน่ายน้ำประปาได้ภายใน เขตพื้นที่บริการเขตปทุมธานี-รังสิต หรือในเขตท้องที่นอกกว่านั้นตามที่ผู้ให้สัมปทานและผู้รับสัมปทานจะได้ตกลงกันให้ใช้ สัมปทาน สิทธิในการซื้อกิจการประปา : (1) เมื่อผู้รับสัมปทานได้ทำการไปได้กึ่งอายุสัมปทานแล้ว รัฐบาลหรือเทศบาลหรือสุขาภิบาลมีความประสงค์จะซื้อกิจการ ประปาของผู้รับสั มปทานทั้งหมด ผู้ ให้สัม ปทานมีสิทธิ ถอนคืนสัม ปทานเพื่อซื้ อหรือ อนุญาตให้เ ทศบาลหรือ สุขาภิ บาลที่ เกี่ยวข้องซื้อกิจการประปาได้ตามราคาซื้อขายกันในตลาดแต่ต้องแจ้งให้ผู้รับสัมปทานทราบล่วงหน้า 6 เดือนถ้าไม่ สามารถตกลงราคาซื้อขายกันได้ให้กำหนดโดยอนุญาโตตุลาการ โดยให้ทั้งสองฝ่ายตั้งอนุญาโตตุลาการได้ฝ่ายละคนถ้า อนุญาโตตุลาการที่ตั้งขึ้นไม่สามารถตกลงกันได้ ก็ให้อนุญาโตตุลาการนั้นเลือกตั้งผู้ชี้ขาดขึ้นคนหนึ่งบรรดาค่าใช้จ่ายและ ค่าธรรมเนียมในการตั้งอนุญาโตตุลาการหรือผู้ชี้ขาดให้ออกฝ่ายละครึ่งหนึ่ง (2) เมื่อสัมปทานสิ้นอายุลงหรือต้องเพิกถอนผู้ให้สัมปทานมีสิทธิที่จะซื้อหรือไม่ซื้อกิจการประปาทั้งหมดจากผู้รับ สัมปทาน ถ้าผู้ให้สัมปทานมีความประสงค์จะซื้อ จะต้องปฏิบัติดังนี้ (ก) ถ้าซื้อเมื่อสิ้นอายุสัมปทาน ผู้ให้สัมปทานต้องแจ้งความจำนงเป็นหนังสือไปยังผู้รับสัมปทานอย่างน้อย 6 เดือน ก่อนสิ้นอายุสัมปทาน (ข) ถ้าซื้อเมื่อสัมปทานต้องเพิกถอน ผู้ให้สัมปทานต้องแจ้งความจำนงเป็นหนังสือไปยังผู้รับสัมปทานภายใน 3 เดือน นับแต่วันเพิกถอนสัมปทานถ้าไม่แจ้งภายในกำหนดเวลาดังกล่าวข้างต้นหรือแจ้งว่าไม่ประสงค์จะซื้อกิจการ ประปา ผู้รับสัมปทานมีสิทธิที่จะขายกิจการให้แก่ผู้อื่นได้ กรณีตกลงราคาซื้อขายกันไม่ได้ให้ตั้งอนุญาโตตุลาการ กำหนดราคาตามที่ระบุในสัมปทานนี้ (3) ถ้าผู้ให้สัมปทานไม่ประสงค์จะซื้อกิจการประปา และผู้รับสัมปทานมีความประสงค์จะดำเนินการต่อไป ผู้รับสัมปทาน ต้องแจ้งความจำนงเป็นหนังสือไปยังผู้ให้สัมปทานอย่างน้อย 6 เดือนก่อนสัมปทานสิ้นอายุ การโอนสัมปทาน : สัมปทานนี้จะโอนไปยังผู้ใดไม่ได้ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ให้สัมปทานเสียก่อน และต้องอยู่ ภายใต้บังคับเงื่อนไขซึ่งผู้ให้สัมปทานจะเห็นสมควรเพื่อยังให้กิจการดำเนินไปโดยเรียบร้อยและมีการจำหน่ายน้ำประปาเป็น ปกติ การเพิกถอนสัมปทาน : ระหว่างอายุสัมปทาน ผู้ให้สัมปทานมีอำนาจเพิกถอนสัมปทานได้ด้วยเหตุหนึ่งเหตุใด ดังต่อไปนี้ (ก) ผู้รับสัมปทานละเลยไม่ก่อสร้างและตั้งโรงงานทำการประปากับเครื่องอุปกรณ์ให้เสร็จสมบูรณ์เพื่อที่จะให้เริ่มทำการ จำหน่ายน้ำประปาได้ทันที (ข) ผู้รับสัมปทานละเลยไม่จำหน่ายน้ำประปาเป็นเวลาเกินกว่า 3 วัน เว้นแต่การละเลยนั้นจะเกิดจากเหตุสุดวิสัย (ค) ผู้รับสัมปทานละเลยไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับ หรือเงื่อนไขข้อหนึ่งข้อใดซึ่งกำหนดไว้ในสัมปทาน หรือเอกสารต่อท้าย สัมปทาน (ง) เมื่อโรงงานทำการประปา เครื่องอุปกรณ์ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดอันเป็นส่วนสำคัญของกิจการประปานั้นถูกยึดตามคำ พิพากษาของศาล เมื่อสัมปทานนี้ได้กำหนดไว้โดยเฉพาะว่า ให้ผู้ให้สัมปทานมีอำนาจปรับผู้รับสัมปทานในกรณีที่ผู้รับสัมปทานละเลยไม่ ปฏิบัติตามข้อบังคับ หรือเงื่อนไขข้อหนึ่งข้อใดซึ่งกำหนดไว้ในสัมปทาน ผู้ให้สัมปทานจะเพิกถอนสัมปทานนี้ไม่ได้ เว้นแต่ ผู้รับสัมปทานยังคงฝ่าฝืนเป็นเวลาเดือนหนึ่งหรือกว่านั้น หรือระยะเวลาที่ยาวกว่านั้นตามแต่ผู้ให้สัมปทานจะเห็นสมควร กำหนด และผู้ให้สัมปทานได้ตักเตือนผู้รับสัมปทานเป็นหนังสือไม่น้อยกว่า 15 วัน ก่อนมีคำสั่งเพิกถอนสัมปทาน ในเมื่อสัมปทานมิได้กำหนดไว้โดยเฉพาะว่า ให้ผู้ให้สัมปทานมีอำนาจปรับผู้รับสัมปทานในกรณีที่ผู้รับสัมปทานละเลย ไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับหรือเงื่อนไขข้อหนึ่งข้อใด ซึ่งกำหนดไว้ในสัมปทานนั้น นอกจากกรณีที่ระบุไว้ในข้อ (1) (ข) และ (ง) ผู้ให้สัมปทานจะปรับผู้รับสัมปทานเป็นเงินหนึ่งร้อยบาท และปรับเรียงรายวันอีกวันละห้าสิบบาทตลอดเวลาที่ผู้รับ สัมปทานยังคงฝ่าฝืนอยู่ก็ได้ และผู้ให้สัมปทานจะเพิกถอนสัมปทานไม่ได้ เว้นแต่ผู้รับสัมปทานยังคงฝ่าฝืนอยู่ต่อไป และ ผู้ให้สัมปทานได้เตือนผู้รับสัมปทานเป็นหนังสือดังกำหนดไว้ การคิดราคาน้ำประปา : ให้ผู้รับสัมปทานคิดค่าน้ำประปาจากผู้ใช้น้ำได้ตามรายละเอียดในสัญญาให้สิทธิดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปา ระหว่างการประปาส่วนภูมิภาคกับผู้รับสัมปทาน ฉบับลงวันที่ 31 สิงหาคม 2538 โดยอัตราค่าน้ำประปาซึ่งกำหนดไว้ข้างต้น นั้นอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามเกณฑ์ ดังต่อไปนี้ (ก) ในกรณีที่ค่าใช้จ่ายในการทำน้ำประปาได้เพิ่มขึ้น ผู้รับสัมปทานอาจเพิ่มอัตราค่าจำหน่ายน้ำประปาขึ้นจากอัตราที่ใช้อยู่ ได้ตามส่วนมากและน้อยตามรายละเอียดในสัญญาให้สิทธิดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาระหว่างการประปาส่วน ภูมิภาค กับผู้รับสัมปทาน ฉบับลงวันที่ 31 สิงหาคม 2538 (ข) ในกรณีที่เทศบาลหรือสุขาภิบาลมิได้เป็นผู้รับสัมปทานเมื่อสิ้นระยะเวลา 3 ปี นับแต่วันลงนามในสัมปทานนี้ ถ้า เทศบาลหรือสุขาภิบาลหรือผู้ใช้น้ำขอร้องมายังผู้ให้สัมปทานให้เปลี่ยนอัตราหรือวิธีคิดค่าน้ำประปา ผู้ให้สัมปทานมีอำนาจ จะพิจารณา และถ้าเป็นที่พอใจว่าการเปลี่ยนอัตราค่าน้ำประปาหรือการแก้ไขวิธีคิดค่าน้ำประปานั้นเป็นการสมควร โดยเหตุ ที่พฤติการณ์อันเป็นบรรทัดฐานที่ได้กำหนดอัตราหรือวิธีการคิดค่าน้ำประปาที่ใช้อยู่นั้นได้เปลี่ยนแปลงไปก็ให้มีอำนาจสั่ง เป็นหนังสือให้ใช้อัตราและวิธีคิดค่าน้ำใหม่แทนได้ตามที่ผู้ให้สัมปทานจะเห็นเป็นการยุติธรรมและสมควร คำสั่งนั้นผู้รับ สัมปทานจะต้องปฏิบัติตาม (ค) ถ้าผู้รับสัมปทานประสงค์จะลดอัตราค่าน้ำประปา ก็มีสิทธิจะลดค่าน้ำประปาได้ไม่ว่าในเวลาใด แต่ต้องแจ้งให้ผู้ให้ สัมปทานทราบล่วงหน้า 15 วัน การสิ้นสุดของสัญญา : สัมปทานสิ้นสุดลงในกรณีดังต่อไปนี้ (ก) กรณีสิ้นสุดอายุสัมปทาน 25 ปี โดยไม่มีการต่ออายุ (ข) กรณีผู้รับสัมปทานคืนสัมปทานเมื่อเลิกกิจการ ผู้รับสัมปทานจะต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ให้สัมปทานทราบล่วงหน้าก่อน 6 เดือนเป็นอย่างน้อย และเมื่อผู้รับสัมปทานได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากผู้ให้สัมปทานแล้ว จึงจะเลิกกิจการได้ ในกรณี เช่นนี้ให้นำข้อบังคับในหมวด 5 แห่งสัมปทานนี้ ซึ่งว่าด้วยสัมปทานสิ้นอายุและการเพิกถอนสัมปทานมาใช้บังคับโดย อนุโลม (ค) กรณีเมื่อผู้รับสัมปทานได้ทำการไปได้ 12 ปีครึ่ง นับแต่วันที่ได้ลงนามในสัมปทาน (วันที่ 13 มกราคม 2543) และ รัฐบาลหรือเทศบาลหรือสุขาภิบาลประสงค์ซื้อกิจการประปาของผู้รับสัมปทานทั้งหมด (ในราคาตลาดหรือราคาที่ อนุญาโตตุลาการกำหนดในกรณีที่ไม่สามารถตกลงราคากันได้) ให้ผู้ให้สัมปทานมีสิทธิถอนคืนสัมปทาน (ง) กรณีเมื่อถูกเพิกถอนสัมปทาน การจ่ายเงินปันผล : (ยังมีต่อ)