03 ธันวาคม 2551
) ความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เรื่องรายการเกี่ยวโยงกัน
CPIn-1
N ปีก่อนหน้าปีที่จะมีการปรับราคาค่าน้ำประปา
Pn+1 อัตราค่าน้ำประปา ณ วันที่ 1 มกราคม ในปีที่ n+1 หน่วยเป็น ลบ.ม. และต้องปัดเศษของ
ทศนิยมตำแหน่งที่ 7 ทิ้ง
Pn อัตราค่าน้ำประปา ณ วันที่ 1 มกราคม ในปีที่ n และมีค่าเริ่มต้นจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2542
เท่ากับ 13.900000 บาท ต่อ ลบ.ม.
CPIn-1 ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของภาคกลางสำหรับเดือนธันวาคม ณ ปีที่ n-1 และมีค่าเริ่มต้น
สำหรับเดือนธันวาคม 2541 เท่ากับ 128.1
CPIn ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของภาคกลางสำหรับเดือนธันวาคม ณ ปีที่ n (*)
K ค่าคงที่ในการปรับอัตราค่าน้ำประปา ค่าคงที่ (K) จะมีค่า
สำหรับปีที่ 1 ถึงปีที่ 7 (พ.ศ. 2543 ถึง พ.ศ. 2549) มีค่าเท่ากับ 1.030000
สำหรับปีที่ 8 ถึงปีที่ 10 (พ.ศ. 2550 ถึง พ.ศ. 2552) มีค่าเท่ากับ 1.02500
สำหรับปีที่ 11 ถึงปีที่ 14 (พ.ศ. 2553 ถึง พ.ศ. 2556) มีค่าเท่ากับ 1.01000
สำหรับปีที่ 15 (พ.ศ. 2557) เป็นต้นไป มีค่าเท่ากับ 1.00000
(*) หากในเดือนธันวาคมของปีใด ๆ (n) ค่า CPI ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ เพื่อใช้ในการ
คำนวณอัตราค่าน้ำประปา ( 1 มกราคมของปีที่ n+1) แล้ว อัตราค่าน้ำประปาของเดือนในปี
ถัดไปจะใช้อัตราค่าน้ำประปาของปีก่อนจนกระทั่งค่าดัชนี (CPI) ถูกประกาศใช้และจะต้องนำ
ค่าดัชนี (CPI) มาคำนวณ อย่างไรก็ตาม หากมีการคำนวณปรับค่าอัตราค่าน้ำประปาได้ตามที่
ควรจะเป็นแล้ว ค่าน้ำประปาในแต่ละเดือน จะถูกปรับให้เท่ากับเดือนนั้นๆ โดยผู้ซื้อต้องชำระ
ชดเชยส่วนที่ขาด นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมของปีที่ n+1 จนถึงวันที่ได้ปรับอัตราค่าน้ำประปา
นั้น มูลค่าของการปรับชดเชยค่าน้ำประปานี้เท่ากับปริมาณน้ำประปาที่ได้รับในปีที่ n+1 ณ
อัตราค่าน้ำประปาเท่ากับ Pn คูณด้วยผลต่างอัตราค่าน้ำประปาของ Pn กับ Pn+1
นอกเหนื อจากสัญญาซื้อขายน้ำประปา บริษัทยังได้รับ สัมปทานประกอบกิจการประปาจากกระทรวง
ทรั พยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อ มเมื่อ วัน ที่ 11 มีนาคม 2548 ในการอนุ ญาตให้บริษัทสามารถผลิต
น้ำประปาเพื่อจำหน่ายในเขต 5 อำเภอ ใน 2 จังหวัดดังกล่าวข้างต้น โดยมีอายุสัมปทานทั้งสิ้น 25 ปี
บริษัทได้ดำเนินธุรกิจน้ำประปา โดยมี บริษัท วอเตอร์โฟลว์ จำกัด ("วอเตอร์โฟลว์") ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่
บริษัทถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 100 โดยวอเตอร์โฟลว์มีทุนจดทะเบียนและทุนที่ชำระแล้วทั้งสิ้น 10 ล้าน
บาท ทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของฝ่ายปฏิบัติการในการผลิตและจ่ายน้ำประปาเพื่อจำหน่ายให้แก่ กปภ.
เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2550 บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด ("PTW") จำนวน
10,698,283 หุ้น ในราคาหุ้นละ 340 บาท คิดเป็นจำนวนร้อยละ 89.15 ของหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมดของ
PTW และเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของ PTW เพิ่มเติมอีกร้อยละ 8.85 ของหุ้น
ที่ชำระแล้วทั้งหมดของ PTW ที่ราคา 340 บาทต่อหุ้น โดยมีมูลค่าเงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 3,998.3 ล้านบาท
ผลจากการลงทุนดังกล่าวทำให้ PTW มีฐานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัท โดยบริษัทได้บันทึกผลต่างจาก
มูลค่าจ่ายซื้อและมูลค่ายุติธรรมของ PTW เป็นค่าสิทธิในการดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปามี
มูลค่า 3,169.1 ล้านบาท
ทั้งนี้ PTW ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำประปาให้แก่ กปภ. เช่นเดียวกับบริษัท โดยได้เข้าทำสัญญา
ให้สิทธิดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปากับ กปภ. เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2538 มีอายุสัญญา 25 ปี
เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2541 และสิ้นสุดวันที่ 14 ตุลาคม 2566 โดยมีลักษณะสัญญาเป็นแบบ Build-
Own-Operate-Transfer ("BOOT") โดย PTW เป็นผู้ก่อสร้างระบบผลิตและระบบจ่ายน้ำประปา โดย PTW
ต้องโอนระบบจ่ายน้ำประปาให้แก่ กปภ. ณ วันเริ่มประกอบกิจการ แต่ในส่วนระบบผลิตน้ำประปาจะตก
เป็นกรรมสิทธิ์ของ กปภ. เมื่อครบ 25 ปี โดย กปภ. รับซื้อน้ำประปาจาก PTW เพื่อจำหน่ายแก่ประชาชนใน
พื้นที่ บริการเขตปทุ มธานี-รังสิต จ.ปทุมธานี ด้วยกำ ลังการผลิตสูง สุด ณ วันที่ 27 กุมภาพัน ธ์ 2551 ที่
308,000 ลบ.ม./วัน (ซึ่งประกอบไปด้วยกำลังการผลิตติดตั้งที่ 288,000 ลบ.ม./วัน และกำลังการผลิต
เพิ่มเติมที่ 20,000 ลบ.ม./วัน) ซึ่งเป็นกำลังการผลิตที่สูงเป็นอันดับสองของเอกชนผู้ประกอบกิจการประปา
รองจากบริษัท นอกจากนี้ PTW ยังได้รับ MOQ ซึ่งจะถูกกำหนดโดย กปภ.ในแต่ละปี โดยปริมาณ MOQ ใน
แต่ละปีจะต้องไม่ต่ำกว่า MOQ ที่กำหนดไว้ในปีก่อนหน้า โดยในปี 2550 และ 2551 MOQ ของ PTW
เท่ากับ 260,000 ลบ.ม./วัน อัตราค่าน้ำประปาที่ PTW ได้รับจาก กปภ. เป็นอัตราที่ปรับเพิ่มขึ้นทุกปีตาม
ดัชนีราคาผู้บริโภค อนึ่ง เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2549 PTW ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายน้ำประปากับ กปภ.
เพื่อให้ PTW ลงทุนก่อสร้างระบบผลิตน้ำประปาเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำประปาที่จะซื้อจาก PTW อีกใน
ปริมาณ 70,000 ลบ.ม./วัน เนื่องด้วยความต้องการน้ำในพื้นที่เพิ่มสูงขึ้น
นอกเหนือจากสัญญาให้สิทธิดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปาให้กับ กปภ. แล้ว PTW ได้รับสัมปทาน
ประกอบกิจการประปาจากกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2543 ในการอนุญาตให้ PTW
สามารถผลิตน้ำประปาเพื่อจำหน่ายในเขตบริการเขตปทุมธานี-รังสิต จ.ปทุมธานี โดยมีระยะเวลา 25 ปี
นับจากวันที่ 26 มกราคม 2550 PTW ได้ดำเนินธุรกิจน้ำประปา โดยมีบริษัท บีเจที วอเตอร์ จำกัด ("BJT")
ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ PTW ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 100 โดย BJT มีทุนจดทะเบียนและทุนที่ชำระแล้ว
ทั้งสิ้น 50 ล้านบาท ทำหน้าที่ในการผลิตและจ่ายน้ำประปาเพื่อจำหน่ายให้แก่ กปภ.
2.2 สรุปปัจจัยเสี่ยง
บริษัทมีความเสี่ยงที่สำคัญในโครงการขยายกำลังการผลิตน้ำประปาและความเสี่ยงโดยรวมของบริษัทซึ่ง
สามารถสรุปได้ ดังนี้
2.2.1 ความเสี่ยงของโครงการขยายกำลังการผลิตน้ำประปา
ความเสี่ยงจากการไม่ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายน้ำประปากับ กปภ.
เนื่องจากขณะนี้บริษัทยังคงอยู่ในระหว่างการเจรจากับ กปภ. ในเรื่องเกี่ยวกับสัญญาซื้อขาย
น้ำประปาในส่วนขยายกำลังการผลิต ดังนั้น บริษัทจึงมีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถลงนามในสัญญา
ซื้อขายน้ำประปากับ กปภ. ได้
ความเสี่ยงเมื่อส่วนขยายกำลังการผลิตสร้างเสร็จแล้วแต่ไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่คาดหวัง
เนื่องจากการก่อสร้างส่วนขยายกำลังการผลิตน้ำประปาเป็นการก่อสร้างในโครงการสาธารูปโภค
ขนาดกลาง ซึ่งต้องใช้ความชำนาญและทดสอบระบบก่อนเปิดดำเนินการพอสมควร ดังนั้น จึงมี
ความเป็นไปได้ที่ว่าในระยะแรก ๆ ของการดำเนินการ ระบบต่าง ๆ อาจจะยังไม่สามารถทำงานได้
ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ความเสี่ยงอันเนื่องมาจากปริมาณการจ่ายน้ำประปาไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
อาจมีความเป็นไปได้ว่าที่ว่าเมื่อเปิดดำเนินการในระยะแรก ๆ จำนวนผู้ใช้น้ำหรือปริมาณการจ่าย
น้ำอาจจะไม่เป็นไปตามที่บริษัทคาดหวังไว้เมื่อก่อนเริ่มโครงการ จึงอาจส่งผลกระทบต่อผลการ
ดำเนินงาน รายได้ และฐานะทางการเงินของบริษัท
2.2.2 ความเสี่ยงจากสัญญาที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ
ความเสี่ยงจากสัญญาซื้อขายน้ำประปาถูกยกเลิก
สัญญาซื้อขายน้ำประปาเลขที่ 189/2543 ระหว่างบริษัทและ กปภ. อาจถูกตีความได้ว่าดำเนินการ
ไม่ถูกต้องตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการ
ของรัฐ พ.ศ. 2535 ("พรบ. การให้เอกชนเข้าร่วมงาน") ดังนี้
จากแนวคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาเมื่อปี 2540 ที่ได้ให้ความเห็นในเรื่องโครงการที่
กปภ. ให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนดำเนินการก่อสร้างระบบผลิตน้ำประปาทั้งหมด โดย กปภ. จะซื้อน้ำ
จากเอกชนและ กปภ. จะเป็นผู้จ่ายน้ำให้แก่ประชาชนอีกทอดหนึ่งว่าไม่อยู่ในบังคับที่จะต้อง
ดำเนินการตาม พรบ. การให้เอกชนเข้าร่วมงาน หากเป็นกรณีที่เอกชนผู้ผลิตน้ำขายให้แก่ กปภ. ซึ่ง
เอกชนรับผิดชอบเรื่องผลกำไรหรือขาดทุนเอง โดย กปภ. จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกำไรหรือขาดทุน
และมิได้ให้สิทธิที่ กปภ. มีอยู่ตามกฎหมายแก่เอกชนแต่อย่างใด ส่วนแหล่งน้ำดิบที่จะนำมาใช้ใน
การผลิตน้ำประปา กปภ. จะเป็นผู้ช่วยเหลือประสานงานการจัดหาแหล่งน้ำดิบให้ แต่เอกชนจะต้อง
เป็นผู้ซื้อจากเจ้าของแหล่งน้ำดิบดังกล่าวเอง กรณีดังกล่าวจึงเป็นกิจการที่เอกชนดำเนินการเองโดย
แท้ รวมทั้งแหล่งน้ำดิบที่นำมาใช้ในการผลิตน้ำประปาก็ไม่มีการอนุญาต การให้สัมปทานหรือการ
ให้สิทธิเอกชนที่จะใช้ทรัพยากรธรรมชาติหรือทรัพย์สินของรัฐ และการจัดซื้อน้ำจากเอกชนที่ผลิตได้
ก็เป็นเรื่องที่ กปภ. ทำสัญญาซื้อขายในทางแพ่งตามปกติของการประกอบธุรกิจ ดังนั้น กปภ. จึง
มิได้มีการเสนอสัญญาซื้อขายน้ำประปาฉบับดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและอนุมัติตาม
ขั้นตอนของ พรบ. การให้เอกชนเข้าร่วมงาน
ทั้งนี้ บริษัทไม่อาจรับรองได้ว่า คณะรัฐมนตรีจะมีคำสั่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
พิจารณาอีกครั้งหนึ่งในประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการทำสัญญาซื้อขายน้ำประปาว่าเป็นไปตาม
ขั้นตอนที่กำหนดใน พรบ. การให้เอกชนเข้าร่วมการงานหรือไม่ หากเกิดกรณีให้พิจารณาใหม่แล้ว
ความเห็นจะเป็นไปตามแนวทางเดิมที่เคยวินิจฉัยไว้หรือไม่ ซึ่งหากความเห็นดังกล่าวเปลี่ยนแปลง
ไป อาจมีผลถึงความสมบูรณ์ของสัญญาซื้อขายน้ำประปา ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบอย่างมี
นัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ รายได้และฐานะการเงินของบริษัท เนื่องจากกปภ. เป็นลูกค้าเพียง
รายเดียวของบริษัท ดังนั้น หากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นและบริษัทประสงค์ที่จะดำเนินกิจการขาย
น้ำต่อไป บริษัทจะต้องจัดหาผู้ซื้อน้ำรายใหม่รวมทั้ง บริษัทจะต้องดำเนินการแก้ไขเงื่อนไขใน
สัมปทานให้สอดรับกับสัญญาซื้อขายน้ำฉบับใหม่ด้วย
ความเสี่ยงจากการที่อายุสัมปทานและระยะเวลาของสัญญาซื้อขายน้ำประปาระหว่างบริษัทและ
กปภ. ไม่เท่ากัน
อายุสัมปทานในการประกอบกิจการประปาที่บริษัทได้รับจากผู้ให้สัมปทานมีระยะเวลาเพียง 25 ปี
(สิ้นสุดวันที่ 10 มีนาคม 2573) ในขณะที่ระยะเวลาของสัญญาซื้อขายน้ำประปาเลขที่ 189/2543
ระหว่างบริษัท กับ กปภ. มีระยะเวลา 30 ปี (สิ้นสุดวันที่ 20 กรกฎาคม 2577) บริษัทไม่สามารถ
รับรองได้ว่าบริษัทจะได้รับการต่ออายุสัมปทาน หรือทราบผลการอนุญาตก่อนที่อายุสัมปทานจะ
สิ้นสุดลง หากบริษัทไม่ได้รับการต่ออายุสัมปทานจากผู้ให้สัมปทานในการประกอบกิจการประปา
สำหรับช่วงระยะเวลาที่แตกต่างกันดังกล่าว บริษัทก็อาจตกเป็นผู้ผิดสัญญาเนื่องจากไม่สามารถ
ผลิตและจำหน่ายน้ำประปาให้แก่ กปภ. ตามสัญญาซื้อขายน้ำประปาได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมี
นัยสำคัญต่อผลการดำเนินงาน รายได้ และฐานะทางการเงินของบริษัท
นอกจากนี้ แม้ว่าบริษัทจะได้รับการต่ออายุสัมปทานจากผู้ให้สัมปทาน แต่ระยะเวลาที่บริษัท
สามารถประกอบกิจการประปาอาจจะไม่เท่ากับระยะเวลาที่บริษัทสามารถขายน้ำประปาให้กับ
กปภ. ตามสัญญาซื้อขายน้ำประปา และแม้ว่าตามสัญญาซื้อขายน้ำประปาจะมีข้อสัญญาให้สิทธิ
บริษัทสามารถขอต่ออายุได้โดยทั้งสองฝ่ายต้องทำความตกลงร่วมกัน บริษัทไม่สามารถรับรองได้ว่า
การต่ออายุสัญญาดังกล่าวจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขเดิมตามสัญญาซื้อขายน้ำประปาฉบับที่หมดอายุ
หรือมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ หรือหากบริษัทไม่ได้รับการต่ออายุสัญญาซื้อขาย
น้ำประปาและต้องจัดหาผู้ซื้อรายใหม่ บริษัทอาจต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการลงทุนเครื่อง
อุปกรณ์ให้เหมาะสมกับผู้ซื้อรายใหม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานรายได้ และฐานะ
ทางการเงินของบริษัท
ความเสี่ยงจากการถูกบอกเลิกสัญญาซื้อขายน้ำประปา และ/หรือ สัญญาให้สิทธิ
บริษัท และ PTW อาจถูกบอกเลิกสัญญาซื้อขายน้ำประปา และ/หรือ สัญญาให้สิทธิได้หากเกิด
เหตุการณ์ตามที่กำหนดในสัญญาซื้อขายน้ำประปา และ/หรือ สัญญาให้สิทธิ ทั้งนี้ ในการบอกเลิก
สัญญาซื้อขายน้ำประปา และ/หรือ สัญญาให้สิทธิ กปภ. จะต้องส่งคำบอกกล่าวเป็นหนังสือเพื่อ
แจ้งให้บริษัท และ/หรือ PTW ปฏิบัติให้ถูกต้องตามสัญญาภายในระยะเวลาที่กำหนดเสียก่อน
หากบริษัท และ/หรือ PTW ไม่สามารถปฏิบัติให้ถูกต้องภายในเวลาที่กำหนดแล้ว กปภ.จึงสามารถ
ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาได้ อย่างไรก็ตาม หาก กปภ. ใช้สิทธิบอกเลิกสัญญาซื้อขายน้ำประปา และ/
หรือ สัญญาให้สิทธิ กปภ. อาจริบหลักประกันที่บริษัท และ/หรือ PTW ให้ไว้กับ กปภ. และนอกจาก
การริบหลักประกันแล้ว กปภ. ยังมีสิทธิเรียกค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่ายใด ๆ อันเกิดจากการผิด
สัญญาดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการประกอบกิจการและฐานะ
การเงินของบริษัท
2.2.3 ความเสี่ยงเกี่ยวกับสัมปทานกิจการประปา
ความเสี่ยงจากการไม่ได้รับการต่ออายุสัญญาสัมปทานกิจการประปาหรือการขอสัมปทานใหม่
เนื่องจากความต้องการขยายเขตหรือเพิ่มกำลังการผลิตจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อม
การพิจารณาให้ต่ออายุสัมปทานหรือการให้สัมปทานใหม่สำหรับพื้นที่ใหม่หรือการเพิ่มกำลังการ
ผลิตขึ้นอยู่กับการพิจารณาและดุลยพินิจของผู้ให้สัมปทานเด็ดขาดแต่เพียงฝ่ายเดียว ด้วยปัจจัย
หลายประการ บริษัทจึงไม่สามารถรับรองได้ว่าบริษัทและ PTW จะได้รับการต่ออายุสัมปทานหรือ
ได้รับสัมปทานใหม่สำหรับการขยายเขตหรือการเพิ่มกำลังการผลิต และหากบริษัทและ PTW ได้รับ
การต่ออายุสัมปทานหรือได้รับสัมปทานใหม่ บริษัทไม่สามารถรับรองได้ว่าสัมปทานที่จะได้รับ
ดังกล่าวจะมีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหรืออาจมีข้อกำหนดหรือเงื่อนไขเพิ่มเติมประการใด ซึ่งอาจมี
ผลกระทบต่อความสามารถในการประกอบกิจการประปา และรายได้และโอกาสทางธุรกิจของ
บริษัทและ PTW
2.2.4 ความเสี่ยงเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ
ความเสี่ยงจากการไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้พื้นที่ที่ใช้ในการวางท่อส่งน้ำประธาน
บริษัทไม่อาจรับรองได้ว่าหน่วยงานแต่ละหน่วยงานที่ดูแลพื้นที่ที่แนวท่อส่งน้ำประธานและท่อจ่าย
น้ำของบริษัทวางผ่านจะเรียกเก็บค่าตอบแทนการใช้พื้นที่ในอัตราที่เหมาะสม และบริษัทไม่อาจ
รับรองได้ว่าหน่วยงานเหล่านั้นจะไม่นำพื้นที่ดังกล่าวออกให้บุคคลอื่นใช้ประโยชน์ หรือก่อสร้างสิ่ง
ปลูกสร้างใด ๆ ทับแนวท่อส่งน้ำประธานดังกล่าว อันอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อท่อส่งน้ำ
ประธาน หรือเป็นอุปสรรคต่อการเข้าซ่อมแซม โดยหากบริษัทและ PTW ไม่สามารถใช้พื้นที่ในการ
วางท่อส่งน้ำประธานได้ หรือในกรณีที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนการใช้พื้นที่ในอัตราที่สูง หรือไม่สามารถ
เข้าใช้พื้นที่ในการซ่อมแซมท่อส่งน้ำประธานเมื่อเกิดความชำรุดบกพร่องได้ภายในระยะเวลาที่
เหมาะสม อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ฐานะทางการเงิน ผลการดำเนินงานและโอกาสทางธุรกิจของ
บริษัทและ PTW
ความเสี่ยงอันเกิดจากแหล่งน้ำดิบ
(ก) ความสามารถในการสูบน้ำจากแหล่งน้ำดิบเพื่อการผลิตน้ำประปา
PTW ได้ทำการสูบน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเกินปริมาณที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงาน
คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติตั้งแต่เดือนกันยายน 2549 และจะหยุดการสูบน้ำเกิน
ปริมาณเมื่อเริ่มเปิดทำการโรงผลิตน้ำใหม่ แต่ปัจจุบันไม่มีหน่วยงานใดที่เป็นผู้มีอำนาจ
กล่าวโทษเนื่องจากไม่มีบทบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่า
ด้วยการบริหารทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. 2550 ที่กล่าวถึงอำนาจและหน้าที่ของ
คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติและคณะกรรมการลุ่มน้ำ ก็ไม่มีการกำหนดเรื่องอำนาจใน
การกล่าวโทษผู้ที่ไม่กระทำตามเงื่อนไขที่ได้รับอนุญาตให้ทำการสูบน้ำ ทั้งนี้ บริษัทไม่อาจ
รับรองได้ว่า สำนักงานคณะกรรมการทรัพายากรน้ำแห่งชาติจะขอความร่วมมือไปยังหน่วยงาน
ที่มีอำนาจควบคุมการประกอบกิจการของ PTW ให้ออกคำสั่งให้หยุดทำการสูบน้ำส่วนที่เกิน
กว่าปริมาณที่ได้รับอนุญาต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้และผลการดำเนินงานของ PTW
(ข) ความเพียงพอของแหล่งน้ำดิบและการหาแหล่งน้ำสำรอง
ปริมาณของน้ำดิบในแหล่งน้ำขึ้นกับหลายปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของบริษัท โดย
ปัจจุบันบริษัทและ PTW ยังไม่มีการดำเนินการจัดหาแหล่งน้ำสำรองอื่นไว้ทดแทนแหล่งน้ำดิบ
แต่อย่างใด เนื่องด้วยจะต้องมีการใช้เงินลงทุนสูงในการที่จะสร้างระบบสำหรับแหล่งน้ำสำรอง
ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตามสัญญาซื้อขายน้ำประปาระหว่างบริษัท และ กปภ. จะมี
ข้อกำหนดว่า กปภ. ตกลงจะชำระเงินชดเชยให้กับบริษัท หากบริษัทไม่สามารถผลิตน้ำประปา
ได้ตามปริมาณน้ำประปาขั้นต่ำที่จะต้องจัดส่งให้กับ กปภ. ด้วยเหตุที่ไม่สามารถจัดหาแหล่งน้ำ
อื่นที่มีคุณภาพใกล้เคียงกับแหล่งน้ำเดิมได้ก็ตาม แต่บริษัทไม่อาจรับรองได้ว่าปริมาณน้ำดิบ
จากแหล่งน้ำจะมีอย่างเพียงพอให้บริษัทและ PTW ใช้ในการผลิตน้ำประปาตามกำลังการผลิต
ปัจจุบันหรือตามกำลังผลิตที่อาจขยายเพิ่มขึ้นในอนาคต และไม่อาจรับรองได้ว่าบริษัทและ
PTW จะสามารถหาแหล่งน้ำอื่นเพื่อใช้ในการผลิตน้ำประปาทดแทนได้ อันจะส่งผลกระทบ
อย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจ ผลการดำเนินงานและโอกาสทางธุรกิจของบริษัทและ PTW
(ค) ต้นทุนเรื่องราคาน้ำดิบ
แม้ว่าในปัจจุบัน บริษัทและ PTW จะยังไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับค่าน้ำดิบที่สูบจากแหล่งน้ำทั้ง 2
แหล่ง แต่บริษัทไม่อาจรับรองได้ว่า ในอนาคตจะมีการออกกฎหมายเพื่อกำหนดและเรียกเก็บ
อัตราค่าใช้น้ำจากการสูบน้ำจากแหล่งน้ำดิบธรรมชาติ อันจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตน้ำประปา
ของบริษัทและ PTW สูงขึ้นหรือไม่ อย่างไรก็ตาม สัญญาซื้อขายน้ำประปาได้มีข้อกำหนด
เกี่ยวกับกรณีที่มีการเรียกเก็บค่าใช้น้ำดิบซึ่งส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตของบริษัทและ PTW
สูงขึ้น โดยบริษัทจะสามารถเรียกเก็บเงินดังกล่าวทั้งหมดต่างหากกับ กปภ. แต่สำหรับ PTW จะ
สามารถปรับค่าประปาตามภาระต้นทุนที่สูงขึ้นได้ต่อเมื่อได้มีการตกลงกัน หากตกลงไม่ได้ให้
เข้าสู่กระบวนการระงับข้อพิพาท ทั้งนี้ หากมีการกำหนดและเรียกเก็บอัตราค่าน้ำดิบจาก
หน่วยงานของรัฐ อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ ฐานะทางการเงิน ผลการดำเนินงานและโอกาส
ทางธุรกิจของ PTW ได้หากไม่สามารถตกลงกับ กปภ. ได้
(ง) ความเสี่ยงจากการต้องพึ่งพิงลูกค้ารายเดียว
บริษัทและ PTW ขายน้ำประปาที่ผลิตได้ทั้งหมดให้แก่ กปภ. เพียงรายเดียว โดย กปภ. จะทำ
การจำหน่ายน้ำให้แก่ผู้ใช้น้ำต่อไป บริษัทและ PTW ไม่สามารถจำหน่ายน้ำประปาให้กับผู้ใช้น้ำ
โดยตรงผ่านระบบจำหน่ายน้ำของ กปภ. บริษัทและ PTW จึงมีความเสี่ยงจากการต้องพึ่งพิง
กปภ. ในฐานะลูกค้าเพียงรายเดียว
2.3 ลักษณะการประกอบธุรกิจ
2.3.1 ลักษณะงานบริการ
บริษัทมีอายุสัญญา 30 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2547 และสิ้นสุดวันที่ 20 กรกฎาคม 2577
โดย กปภ. รับซื้อน้ำประปาจากบริษัทเพื่อจำหน่ายแก่ประชาชนในเขตพื้นที่ อ.สามพราน อ.นครชัย
ศรี จ.นครปฐม และ จ.สมุ ทรสาคร ทั้งจังหวั ด ทั้งนี้ บริษัท ดำ เนิน การภายใต้สัมปทานประกอบ
กิจการประปาที่ได้รับจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2548
มีระยะเวลา 25 ปี เพื่อให้บริษัทสามารถประกอบกิจการประปาในเขตพื้นที่ อ.สามพราน อ.นครชัย
ศรี อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม และ อ.กระทุ่มแบน อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่ง ในการผลิตน้ำประปา
บริษัทจะทำการสูบน้ำจากแม่น้ำท่าจีนมาใช้เป็นน้ำดิบในการผลิต น้ำประปาที่ผลิตได้จะถูกส่งด้วย
ท่อส่งน้ำประธาน (Bulk Transmission Main หรือ BTM) จากโรงผลิตน้ำที่ อ.บางเลน จ.นครปฐม
ไปยังสถานีจ่ายน้ำทั้ง 2 แห่งของบริษัท คือ สถานีจ่ายน้ำพุทธมณฑล และสถานีจ่ายน้ำมหาชัย และ
ถูกสูบจ่ายต่อผ่านท่อจ่ายน้ำ (Local Distribution Network หรือ LDN) เพื่อเข้าสู่ท่อบริการเพื่อ
ให้บริการประชาชนในเขตพื้นที่ของสำนักงานประปาสามพราน สำนักงานประปาอ้อมน้อย และ
สำนักงานประปาสมุทรสาคร
ในการผลิตน้ำประปาของบริษัทนั้น เดิมบริษัทได้ทำสัญญาว่าจ้าง วอเตอร์โฟลว์ ให้ดำเนินการใน
ส่วนของงานปฏิบัติการในฝ่ายผลิตโดยดูแลเกี่ยวกับการผลิต การซ่อมบำรุง และการควบคุมการ
ผลิต และจ่ายน้ำประปา ต่อมาเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2549 บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ
วอเตอร์โฟลว์ จาก Advance Assets Associates Limited ซึ่งเป็นนิติบุคคลอื่น ทำให้ วอเตอร์โฟลว์
มีฐานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัทและเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2549 ได้มีการแก้ไขสัญญาระหว่างบริษัท
กับ วอเตอร์โฟลว์ เพื่อให้สอดคล้องกับการที่วอเตอร์โฟลว์เปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัท
โดยแก้ไขให้วอเตอร์โฟลว์ทำหน้าที่เป็นหน่วยผลิตให้กับบริษัทแทน
อนึ่ง เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2550 บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นสามัญเดิมของ PTW คิดเป็นจำนวนร้อยละ
89.15 ของหุ้นที่ชำระแล้วทั้งหมดของ PTW การเข้าซื้อหุ้น PTW ในครั้งนี้ทำให้ PTW มีฐานะเป็น
บริษัทย่อยของบริษัท ทั้งนี้ PTW ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำประปาให้แก่ กปภ. เช่นเดียวกับ
บริษัท PTW ได้เข้าทำสัญญาให้สิทธิดำเนินการผลิตและจำหน่ายน้ำประปากับ กปภ. เมื่อวันที่ 31
สิงหาคม 2538 มีอายุสัญญา 25 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2541 และสิ้นสุดวันที่ 14 ตุลาคม
2566 โดย กปภ. รับซื้อน้ำประปาจาก PTW เพื่อจำหน่ายแก่ประชาชนในพื้นที่บริการเขตปทุมธานี
และรังสิต จ.ปทุมธานี และได้รับสัมปทานประกอบกิจการประปาจากกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่
13 มกราคม 2543 มีระยะเวลา 25 ปี การผลิตน้ำประปาของ PTW เริ่มจากการสูบน้ำดิบจาก
แม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อใช้ในการผลิตที่โรงผลิตน้ำที่ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี น้ำประปาที่ผลิตได้จะถูก
ส่งด้วยท่อส่งน้ำประธาน ไปยังสถานีจ่ายน้ำทั้ง 3 แห่งของ PTW คือ สถานีจ่ายน้ำรังสิต สถานีจ่าย
น้ำธรรมศาสตร์ และสถานีจ่ายน้ำปทุมธานี และจะถูกสูบจ่ายต่อผ่านท่อจ่ายน้ำ ซึ่งเป็นทรัพย์สินของ
กปภ. ไปยังท่อบริการเพื่อให้บริการประชาชนในเขตพื้นที่ของสำนักงานประปาปทุมธานีและ
สำนักงานประปารังสิต เนื่องด้วยความต้องการน้ำในพื้นที่เพิ่มสูงขึ้น เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2549
PTW ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายน้ำประปากับ กปภ. เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำประปาที่จะซื้อจาก PTW
อีกในปริมาณ 70,000 ลบ.ม./วัน โดยกำหนดให้บริการในเขตพื้นที่สำนักงานประปารังสิต
ทั้งนี้ เดิม PTW ได้ทำสัญญาว่าจ้างบริษัท ปทุมธานี โอเปอเรชั่นส์ จำกัด ("OPCO") ให้ดำเนินการใน
ส่วนของฝ่ายผลิต และ OPCO ได้ทำสัญญาว่าจ้างช่วงให้ BJT รับช่วงดำเนินการต่ออีกทอดหนึ่ง
ต่อมาเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2550 PTW ได้ยกเลิกสัญญาการบริหารจัดการและซ่อมบำรุงกับ
OPCO โดยได้จ่ายเงินค่าชดเชยจำนวน 385 ล้านบาทให้แก่ OPCO และได้เข้าซื้อหุ้นสามัญทั้งหมด
ของ BJT เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 305 ล้านบาท พร้อมกันนั้น PTW ได้ลงนามในสัญญาการบริหาร
จัดการ และซ่อมบำรุงเพื่อว่าจ้าง BJT ให้ทำหน้าที่ในการดำเนินการในส่วนของงานปฏิบัติการใน
ฝ่ายผลิต การซ่อมบำรุง การควบคุมการผลิต และการจ่ายน้ำประปา ของ PTW
ต่อมา เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นสามัญของ PTW เพิ่มเติมจาก CK และบริษัท
นครหลวงค้าข้าว จำกัด จำนวนทั้งสิ้น 1,061,452 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 8.85 ของหุ้นที่ชำระแล้ว
ทั้งหมดของ PTW โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นใน PTW ทั้งสิ้นร้อยละ 98.0 ของหุ้นที่ชำระ
แล้วทั้งหมดของประปาปทุมธานี
โครงสร้างการถือหุ้นในกลุ่มบริษัท น้ำประปาไทย จำกัด (มหาชน)
ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2551
บมจ. น้ำประปาไทย
ทุนจดทะเบียน 3,990 ล้านบาท
ทุนที่ชำระแล้ว 3,990 ล้านบาท
_________________________|________________________
| |
98.0%* 100%
บจก. ประปาปทุมธานี บจก. วอเตอร์โฟลว์
ทุนจดทะเบียน 1,200 ล้านบาท ทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท
ทุนที่ชำระแล้ว 1,200 ล้านบาท ทุนที่ชำระแล้ว 10 ล้านบาท
(ยังมีต่อ)