16 กรกฎาคม 2552
) รายงานความเห็น IFA เกี่ยวกับรายการที่เกี่ยวโยงกันของ TTW
หลักเกณฑ์วิธีการคิดค่าธรรมเนียมที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม หากมีการเรียกเก็บค่าใช้น้ำในอนาคต อาจมีผลกระทบต่อ
การประมาณการผลการดำเนิน งานจากสิทธิใ นการดำ เนินงานในครั้ งนี้ได้ เว้นแต่บ ริษัทจะสามารถขึ้นค่าบริการกั บ
ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นดังกล่าว ดังเช่นในอดีตที่ผ่านมา ที่ BLDC
สามารถขึ้นค่าบริการขายน้ำตามการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมการใช้น้ำบาดาล
2. เนื่องจากในการจ่ายน้ำจากสถานีสูบน้ำไปที่โรงผลิตน้ำประปาจะต้องส่งผ่านท่อที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของบุคคลอื่น คือ กรม
ทางหลวง การรถไฟฟ้าแห่งประเทศไทย สำนักงานชลประทาน และที่ดินจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งปัจจุบัน BLDC ได้
ขออนุญาตจากหน่วยงานต่างๆ นี้เรียบร้อยแล้ว โดยมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม และกำหนดอายุของใบอนุญาตอยู่
ในช่วง 3-5 ปี (ยกเว้นกรมทางหลวงที่ใช้เฉพาะตอนขออนุญาตเพื่อก่อสร้าง โดยไม่กำหนดว่าต้องมาขอต่ออายุอีก) ทั้งนี้
บริษัทและ BLDC ได้ชี้แจงในทางเดียวกันว่า ปัจจัยดังกล่าวน่าจะมีผลกระทบน้อยมาก เนื่องจากปัจจุบัน ได้มีการวาง
ท่อดังกล่าวไว้ใต้ดิน ซึ่งไม่น่าจะมีผลกระทบต่อการใช้ประโยชน์บนผิวดินของหน่วยงานต่างๆ ที่เป็นเจ้าของสิทธิแต่อย่าง
ใด ดังนั้น ในประมาณการทางการเงิน กำหนดให้บริษัท สามารถต่ออายุใบอนุญาตดัง กล่าวได้ตลอดอายุของสัญญา
โดยมีการปรับอัตราค่าธรรมเนียมตามอัตราของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อย่างไรก็ตาม หากครบกำหนดตามระยะเวลา
ที่อนุญาตแล้ว หน่วยงานดังกล่าวไม่ต่อใบอนุญาต หรือมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นอย่างมาก อาจมีผลกระทบ
ต่อการประมาณการผลการดำเนินจากสิทธิในการดำเนินงานในครั้งนี้
3. ณ วั น ที่ รั บ มอบสิ ท ธิ ใ นการดำ เนิ น งาน ซึ่ ง ในที่ นี้ กำ หนดให้ เ ป็ น เดื อ นกั น ยายน 2552 ได้ มี ก รปรั บ ปรุ ง และขยาย
ประสิทธิภาพระบบบำบัดน้ำเสียของ BLDC ให้สามารถรองรับการบำบัดน้ำเสียในอัตรา 18,000 ลบ.ม./วัน ได้อย่าง
สมบูรณ์
4. ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระไม่ได้นำค่าความเสี่ยงที่กล่าวไว้ ในหัวข้อ 2.4 ปัจจัยความเสี่ยงจากการทำรายการ มารวม
คำนวณในการประเมินหามูลค่าที่เหมาะสมสำหรับการซื้อสิทธิในการดำเนินงาน เนื่องจากปัจจัยความเสี่ยงดังกล่าวยัง
มีความไม่แน่ นอนว่าจะเกิ ดขึ้น หรือ ไม่ และถ้าเกิดขึ้ นจริ ง จะเกิ ดขึ้น เมื่อ ใด อีกทั้ งไม่ สามารถประเมิน หาเป็นมู ลค่า ที่
แน่นอนได้ กอปรกับบริษัทและ BLDC ต่างชี้แจงว่า ปัจจัยความเสี่ยงดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก
อนึ่ง ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระได้จัดทำประมาณการทางการเงิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพิจารณาหาราคาที่เหมาะสม
สำหรับการซื้อสิทธิในการดำเนินงานที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบกับราคาที่คณะกรรมการของบริษัท
มีมติอนุมัติให้ซื้อในราคา 1,400 ล้านบาท โดยพิจารณาจากประมาณการเป็นระยะเวลา 30 ปี เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน 2552 ถึง
เดือนสิงหาคม 2582 โดยในปี 2552 จะรับรู้รายได้และผลประกอบการตั้งแต่เดือนกันยายน 2552 ถึงเดือนธันวาคม 2552 ส่วนใน
ปีสุดท้าย (ปี 2582) จะรับรู้รายได้และผลประกอบการตั้งแต่เดือนมกราคม 2582 ถึงเดือนสิงหาคม 2582 เท่านั้น ทั้งนี้ หากภาวะ
เศรษฐกิจและปัจจัยภายนอกอื่นๆ ที่มีผลกระทบต่อการดำเนินงาน รวมทั้งสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญจาก
หน้าที่ 54 ของจำนวนหน้าทั้งหมด 92 หน้า
รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
สมมติฐานที่กำหนด ตลอดจนมีปัจจัยที่กระทบต่อตัวแปรต่างๆ ที่ใช้ในการคำนวณหาราคาที่เหมาะสม ราคาที่ประเมินได้ตามวิธี
นี้ก็อ จจะเปลี่ ยนแปลงไปด้ วยเช่ นกัน และราคาดั งกล่า วไม่ สามารถใช้เ ป็น ราคาอ้ งอิง นอกเหนื อจากวั ตถุ ประสงค์ดั งกล่า ว
ข้างต้น
สมมติฐานที่สำคัญที่ใช้ในการคำนวณหาราคาซื้อสิทธิในการดำเนินงาน ได้แก่
1. รายได้จากการดำเนินงาน
รายได้จากการดำเนิน งานประกอบด้วยรายได้จากการขายนํ้ ประปา และรายได้จ กการให้บ ริการบำบัด น้ำเสี ย ซึ่ ง
สามารถกำหนดสมมติฐานได้ดังนี้
1.1 รายได้จากการขายน้ำประปา
ระบบน้ำประปาของนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน เริ่มแรกใช้เป็นระบบน้ำบาดาล ต่อมา ในช่วงต้นปี 2552 ได้มีการ
พัฒนาปรับปรุงระบบน้ำประปาให้เป็นระบบน้ำประปา ประเภทแหล่งน้ำผิวดิน โดยปริมาณการใช้น้ำประปาในนิค ม
อุตสาหกรรมบางปะอินในช่วงปี 2548-เดือนพฤษภาคม 2552 สรุปได้ดังนี้
ปี 2548 ปี 2549 ปี 2550 ปี 2551 5 เดือนปี 2552
ปริมาณน้ำที่ใช้ (ลบ.ม.ต่อวัน) 12,873 13,904 15,742 16,340 14,514
อัตราการเติบโต 2.08% 8.01% 13.22% 3.79% -11.18%
ที่มา: BLDC
ทั้ ง นี้ ในช่ ว ง 5 เดื อ นแรกของปี 2552 มี ป ริ ม ณการใช้ นํ้ เฉลี่ ย ลดลงเหลื อ 14,514 ลบ.ม./วั น เนื่ อ งจาก
ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2552 ทำให้ลด
กำลั งการผลิ ตลง โดยมี ปริม ณการใช้นํ้ เฉลี่ ยเพียง 13,853 ลบ.ม./วัน อย่ งไรก็ต ม ในช่ วงไตรมาสที่ 2 ปี 2552
สภาวะเศรษฐกิจได้เริ่มปรับตัวดีขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการดังกล่าวมีการใช้น้ำเพิ่มขึ้นเป็น 15,108 ลบ.ม./วัน และ 15,859
ลบ.ม./วัน ในเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม ตามลำดับ ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามหลักการระมัดระวัง จึงกำหนดให้
ปริมาณการใช้น้ำประปาในปี 2552 มีจำนวนเท่ากับ 14,500 ลบ.ม.ต่อวัน ซึ่งเป็นปริมาณใช้น้ำเฉลี่ยย้อนหลัง 5 เดือน
ของปี 2552 หลังจากนั้น กำหนดให้ปริมาณการใช้น้ำประปามีจำนวนเพิ่มขึ้นตามสมมติฐานดังนี้
ประเภทลูกค้า สมมติฐาน
พื้นที่ที่ลูกค้าได้ ปี 2553 - ปี 2562 กำหนดให้มีอัตราเติบโตร้อยละ 3 ต่อปี ซึ่งเป็นไปตามอัตราเติบโตเฉลี่ย
ดำเนินงานและมีการใช้ ต่ อ ปี ข องปริ ม ณการใช้ นํ้ ประปาย้ อ นหลั ง ตั้ ง แต่ ปี 2548 - เดื อ นพฤษภาคม 2552
น้ำอยู่แล้ว จำนวน หลั งจากนั้น กำหนดให้ มีอั ตราเติบ โตเท่ กั บ ร้อ ยละ 0 ตลอดระยะเวลาประมาณการที่
1,222.31 ไร่* เหลือ
พื้นที่ที่ลูกค้าอยู่ กำหนดให้เริ่มประกอบการในปี 2553 ทั้งนี้ มีลูกค้าบางรายได้มีหนังสือแจ้งความต้องการ
ระหว่างก่อสร้าง ใช้น้ำต่ อ BLDC ซึ่งที่ป รึกษาทางการเงินอิ สระพิ จารณาแล้วเห็นว่า เป็นจำ นวนที่ สูงกว่
โรงงาน จำนวน 36.06 ค่า เฉลี่ย ปกติม ก ดั ง นั้น เพื่อ ให้ เป็ นไปตามหลัก การระมั ดระวั ง จึ งประมาณการความ
ไร่* ต้องการใช้น้ำประปาจากปริมาณความต้องการใช้น้ำประปาที่เกิดขึ้นจริงต่อไร่ต่อวันในปี
2551 ซึ่งเท่ กับ 13.50 ลบ.ม./ไร่ /วัน หรือคิด เป็นจำนวนประมาณ 487 ลบ.ม./วั น โดย
หน้าที่ 55 ของจำนวนหน้าทั้งหมด 92 หน้า
รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
ประเภทลูกค้า สมมติฐาน
กำหนดให้มีการใช้น้ำประปาในปี 2553 เท่ากับ 240 ลบ.ม./วัน และเพิ่มเป็น 480 ลบ.ม./
วัน ในปี 2554 หรือเทียบเท่าประมาณร้อยละ 50 และร้อยละ 100 ของจำนวนประมาณ
การดังกล่าว ตามลำดับ และ ตั้งแต่ปี 2555 - ปี 2562 กำหนดให้มีอัตราเติบโตร้อยละ 3
ต่อปี ตามสมมติฐานข้างต้น หลังจากนั้น กำหนดให้มีอัตราเติบโตเท่ากับร้อยละ 0 ตลอด
ระยะเวลาประมาณการที่เหลือ
พื้นที่ที่ลูกค้าที่ซื้อแล้ว กำหนดให้เริ่มประกอบการในปี 2555 โดยประมาณการความต้องการใช้น้ำประปา จาก
แต่ยังไม่ได้เข้าใช้งาน ปริมาณความต้องการใช้น้ำ ประปาที่ เกิดขึ้นจริงต่อไร่ต่ อวันในปี 2551 ซึ่งเท่ากั บ 13.50
และพื้นที่ที่ยังไม่ได้ขาย ลบ.ม./ไร่ / วั น หรื อ คิ ด เป็ น จำ นวนประมาณ 1,743 ลบ.ม./วั น โดยกำ หนดให้ มี ก รใช้
จำนวน 129.14 ไร่ ซึ่ง น้ำประปาในปี 2555 เท่ากับ 520 ลบ.ม./วัน และเพิ่มเป็น 1,740 ลบ.ม./วัน ในปี 2556
ประกอบด้วยพื้นที่ที่ หรื อเที ยบเท่า ประมาณร้อ ยละ 30 และร้ อ ยละ 100 ของจำ นวนประมาณการดั ง กล่ ว
ขายแล้วแต่ลูกค้ายัง ตามลำดั บ และ ตั้งแต่ปี 2557 - ปี 2562 กำหนดให้มีอั ตราเติบ โตร้อยละ 3 ต่ อปี ตาม
ไม่ได้เข้าใช้งาน 82.58 สมมติฐานข้างต้น หลังจากนั้น กำหนดให้มีอัตราเติบโตเท่ากับร้อยละ 0 ตลอดระยะเวลา
ไร่ และพื้นที่ที่ยังไม่ได้ ประมาณการที่เหลือ
ขาย 46.56 ไร่*
โครงการผลิตไฟฟ้า กำหนดให้เริ่มประกอบการในปี 2556 โดยประมาณการความต้องการใช้น้ำประปา เท่ากับ
ขนาดย่อม (SPP) 2,000 ลบ.ม.ต่อวัน คงที่ ตลอดระยะเวลาประมาณการ ซึ่งเป็นปริมาณน้ำที่คาดว่าต้องใช้
สำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้าที่ 120 MV
หมายเหตุ: * ข้อมูลจาก BLDC ณ เดือนมิถุนายน 2552
ทั้งนี้ เนื่องจาก ในร่างสัญญาให้สิทธิดำเนินงาน ได้กำหนดว่า BLDC ตกลงรับประกันความต้องการใช้น้ำประปาขั้น
ต่ำในช่วงปี 2553-2555 เท่ากับ 15,513 ลบ.ม.ต่อวัน 16,429 ลบ.ม.ต่อวัน และ 18,401 ลบ.ม.ต่อวัน ตามลำดับ ดังนั้น
ในระยะเวลาดังกล่า ว หากความต้องการใช้น้ำ ประปาที่เกิด ขึ้นจริง มีจำนวนต่ำกว่ จำนวนที่รับ ประกัน ไว้ กำ หนดให้
BLDC มีการชดเชยรายได้ให้แก่บริษัท
สำ หรับ อั ตราค่า บริก รขายน้ำ ประปา กำหนดให้ มี จำ นวนเท่า กั บ 22.50 บาทต่ อ ลบ.ม. ซึ่ง เป็น อั ตราที่คิ ด ณ
ปัจจุบัน ทั้งนี้ ในการปรับอัตราค่าบริการเพิ่มขึ้น ในกรณีปกติโดยทั่วไป ควรปรับเพิ่มขึ้นทุกปีตามการเพิ่มขึ้นของดัชนี
ราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Consumer Price Index: CPI) เพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่าย และเมื่อพิจารณา
จากข้อมูลการเพิ่มขึ้นของอัตราค่าบริการในอดีต พบว่า ในระหว่างปี 2547 ถึงปี 2549 มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นมาโดย
ตลอด จาก 15 บาท เป็น 22.50 บาท โดยปรับราคาครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2549 หลังจากนั้น จนถึง
ปัจจุบัน ยังไม่มีการปรับราคาค่าบริการเพิ่มขึ้น ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามหลัก การระมัดระวัง จึงกำหนดให้มีการปรั บ
อัตราค่าบริการเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 7.50 ทุกๆ 5 ปี ตลอดระยะเวลาประมาณการ โดยเทียบเท่ากับ ร้อยละ 50 ของ
ผลรวมของประมาณการอัตราการเติบโตของค่าใช้จ่ายในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งได้อ้างอิงอัตราการเติบโตของค่าใช้จ่ายที่
อัตราร้อยละ 3 ต่อปี มาจาก CPI เฉลี่ยย้อนหลัง 30 ปี ซึ่งเท่ากับร้อยละ 3.19 (ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย)
หน้าที่ 56 ของจำนวนหน้าทั้งหมด 92 หน้า
รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
ดังนั้น ประมาณการปริมาณความต้องการใช้น้ำประปา และประมาณการอัตราค่าบริการขายน้ำประปา ในช่วงปี
2552-2582 จะสามารถสรุปได้ดังนี้
ปี 2552 ปี 2553 ปี 2554 ปี 2555 ปี 2556 ปี 2557 ปี 2558 ปี 2559 ปี 2560 ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563-
ปี 2582
ปริมาณความ 14,500 15,175* 15,863* 16,859* 20,569 21,126 21,700 22,291 22,900 23,527 24,172 24,172
ต้องการใช้น้ำประปา
(ลบ.ม./วัน)
อัตราเติบโต -11.3% 4.7% 4.5% 6.3% 22.0% 2.7% 2.7% 2.7% 2.7% 2.7% 2.7% 0.0%
อั ต ร ค่ บ ริ ก ร 22.50 22.50 22.50 22.50 22.50 24.19 24.19 24.19 24.19 24.19 26.00 26.00 -
(บาท/ลบ.ม.) 32.30
หมายเหตุ : * ปริมาณความต้องการใช้ น้ำประปาที่ กำหนดข้างต้นเป็ นปริม ณความต้อ งการใช้น้ำ ประปาที่ประมาณการภายใต้
สมมติฐานของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ทั้งนี้ ในแบบจำลองทางการเงิน ได้กำหนดให้ BLDC ต้องชดเชยรายได้ในส่วนที่มีปริมาณต่ำกว่า
ปริมาณที่รับประกันขั้นต่ำในปีถัดไป ซึ่งเป็นไปตามที่กำหนดในร่างสัญญาให้สิทธิดำเนินงาน
1.2 รายได้จากการให้บริการบำบัดน้ำเสีย
ระบบบำบัด น้ำเสียเริ่ มแรกมีขีด ความสามารถบำบัดนํ้ เสี ยเท่า กับ 12,000 ลบ.ม./วัน อย่า งไรก็ ตาม เนื่อ งจาก
BLDC เล็ ง เห็ น แนวโน้ มความต้ อ งการที่ เพิ่ ม ขึ้ น ในการใช้ นํ้ ประปาในนิ ค มอุ ตสาหกรรมบางปะอิ น จึ ง ได้ ข ยายขี ด
ความสามารถในการบำบัดน้ำเสียเป็น 18,000 ลบ.ม./วัน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนกรกฎาคม 2552 ทั้งนี้ ตาม
หลักการ กนอ. ได้กำ หนดปริมาณน้ำเสีย โดยคิดเป็น ร้อยละ 80 ของปริม ณการใช้นํ้ ประปา อย่างไรก็ต ม ในทาง
ปฏิบัติ จะมีปริมาณน้ำเสียออกมาน้อยกว่าเกณฑ์ที่ กนอ. กำหนด เนื่องจากกระบวนการผลิตของผู้ประกอบการบางราย
ในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินมีการใช้น้ำที่ใช้แล้วหมุนเวียนเข้าไปในกระบวนการผลิตอีก โดยในช่วงปี 2548-เดือน
พฤษภาคม ปี 2552 มีปริมาณน้ำเสียที่เข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสีย สรุปได้ดังนี้
ปี 2548 ปี 2549 ปี 2550 ปี 2551 5 เดือนปี 2552
ปริมาณน้ำเสีย (ลบ.ม.ต่อวัน) 9,271 10,085 11,545 11,816 10,754
อัตราการเติบโต 2.11% 8.78% 14.48% 2.35% -8.99%
สัดส่วนปริมาณน้ำเสียต่อปริมาณน้ำประปาที่ใช้ 72.02% 72.53% 73.34% 72.32% 74.09%
ที่มา: BLDC
จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นว่า สัดส่วนปริมาณน้ำเสียต่อปริมาณน้ำประปาที่ใช้มีอัตราประมาณร้อยละ 72 - ร้อยละ
74 ดังนั้ น จึงกำ หนดให้ป ระมาณการปริม ณน้ำเสี ย มีอัตราเท่ากับ ร้อยละ 72.70 ของปริ มาณน้ำประปาที่ใ ช้ ตลอด
ระยะเวลาประมาณการ ซึ่ ง เป็ น ค่ เฉลี่ ย ของสั ด ส่ ว นปริ ม ณนํ้ เสี ย ต่ อ ปริ ม ณนํ้ ประปาที่ ใ ช้ ใ นปี 2548 - เดื อ น
พฤษภาคม 2552 อย่า งไรก็ ตาม เนื่ องจาก ในร่ งสั ญญาให้ สิท ธิ ดำ เนิน งาน ได้ กำหนดว่ BLDC ตกลงรับ ประกั น
ปริมาณน้ำเสียที่จะเข้ามาในระบบขั้นต่ำในช่วงปี 2553-2555 เท่ากับ 11,480 ลบ.ม.ต่อวัน 12,157 ลบ.ม.ต่อวัน และ
13,617 ลบ.ม.ต่อวัน ตามลำดับ ดังนั้น ในระยะเวลาดังกล่าว หากปริมาณน้ำเสียที่เข้ามาในระบบที่เกิดขึ้นจริงมีจำนวน
ต่ำกว่าจำนวนที่รับประกันไว้ กำหนดให้ BLDC มีการชดเชยรายได้ให้แก่บริษัท
ทั้งนี้ สำหรับการบำบัดน้ำเสียที่เกิดจากโครงการผลิตไฟฟ้าขนาดย่อม (SPP) กำหนดให้มีสัดส่วนปริมาณน้ำเสีย
เท่ากับร้อยละ 30 ของปริมาณน้ำประปาที่ใช้ ตลอดระยะเวลาประมาณการ ซึ่งเป็นอัตราที่ประมาณการไว้ในรายงาน
หน้าที่ 57 ของจำนวนหน้าทั้งหมด 92 หน้า
รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
การตรวจสอบเชิงวิศวกรรมของบริษัท อีอีซี เอ็นจิเนียริ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด ฉบับเดือนมิถุนายน 2552 เนื่องจากน้ำส่วน
ใหญ่จะถูกนำไปผลิตเป็นไอน้ำ เพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า ทำให้มีปริมาณน้ำเสียออกมาน้อยกว่าเกณฑ์ค่าเฉลี่ย
ดังกล่าว
สำหรับอัตราค่าบริการบำบัดน้ำเสีย ณ ปัจจุบัน เท่ากับ 7-9 บาทต่อลบ.ม. โดยคำนวณจากค่า BOD ของน้ำเสีย
ของลูกค้า ยกเว้นน้ำเสียที่มีค่าเกินมาตรฐานจะเก็บในอัตรา 20 บาทต่อลบ.ม. โดยอัตราค่าบริการบำบัดน้ำเสียเฉลี่ย
ในช่วงปี 2548-เดือนพฤษภาคม ปี 2552 สรุปได้ดังนี้
ปี 2548 ปี 2549 ปี 2550 ปี 2551 5 เดือนปี 2552
อัตราค่าบริการบำบัดน้ำเสียเฉลี่ย (บาท/ลบ.ม.) 7.81 8.00 7.49 7.45 7.22
อัตราการเติบโต 0.71% 2.52% -6.42% -0.51% -3.08%
ที่มา: BLDC
จากข้อมูลข้างต้น จะเห็นว่า อัตราค่าบริการบำบัดน้ำเสียเฉลี่ย มีจำนวนประมาณ 7.22 บาท - 8.00 บาท โดยมี
แนวโน้มลดลงตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่า น้ำเสียที่ผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมบางปะอินส่งเข้า
มาในระบบบำ บัดนํ้ เสียมี คุณภาพดีขึ้ น ดั งนั้ น เพื่อ ให้เ ป็น ไปตามหลั กการระมัด ระวัง จึง กำหนดให้อั ตราค่า บริ การ
ในช่วงเดือนกันยายน - ธันวาคม 2552 เท่ากับ 7.20 บาทต่อลบ.ม. ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของอัตราค่าบริการบำบัดน้ำเสีย
ในช่วงปีปัจจุบัน คือ เดือนมกราคม 2552 - เดือนพฤษภาคม 2552 และกำหนดให้มีการปรับอัตราค่าบริการเพิ่มขึ้นใน
อัตราร้อยละ 7.50 ทุกๆ 5 ปีเหมือนธุรกิจผลิตน้ำประปา ตลอดระยะเวลาประมาณการ
ทั้งนี้ ประมาณการปริมาณน้ำเสียและอัตราค่าบริการบำบัดน้ำเสียในระหว่างปี 2552-2582 สรุปได้ดังนี้
ปี 2552 ปี 2553 ปี 2554 ปี 2555 ปี 2556 ปี 2557 ปี 2558 ปี 2559 ปี 2560 ปี 2561 ปี 2562 ปี 2563 -
ปี 2582
ปริมาณน้ำเสีย 10,542 11,032* 11,532* 12,256* 14,100 14,505 14,922 15,352 15,794 16,250 16,719 16,719
(ลบ.ม./วัน)
อัตราเติบโต -10.8% 4.7% 4.5% 6.3% 15.0% 2.9% 2.9% 2.9% 2.9% 2.9% 2.9% 0.0%
อัตราค่าบริการ 7.20 7.20 7.20 7.20 7.20 7.74 7.74 7.74 7.74 7.74 8.32 8.32 -
(บาท/ลบ.ม.) 10.34
หมายเหตุ : * ปริมาณน้ำเสียที่กำหนดข้างต้นเป็นปริมาณน้ำเสียที่ประมาณการภายใต้สมมติฐานของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ทั้งนี้
ในแบบจำลองทางการเงิน ได้กำหนดให้ BLDC จะต้องชดเชยรายได้ในส่วนที่มีปริมาณต่ำกว่าปริมาณที่รับประกันขั้นต่ำในปีถัดไป ซึ่ ง
เป็นไปตามที่กำหนดในร่างสัญญาให้สิทธิดำเนินงาน
2. ต้นทุนขายน้ำประปา
ในอดีตที่ผ่านมา BLDC ใช้ระบบน้ำประปา ประเภทน้ำบาดาล ในการผลิตน้ำประปาจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการใน
นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน โดยโครงสร้างต้นทุนขายน้ำประปาในปี 2550 และปี 2551 จะมีค่าธรรมเนียมการใช้น้ำ
บาดาลเป็นต้นทุนหลัก คิดเป็นประมาณ 15 บาทต่อลบ. ในขณะที่ค่าสารเคมีและค่าไฟฟ้าจะมีสัดส่วนเพียงเล็กน้อย
รวมเป็นประมาณ 1.06 บาทต่ อลบ.ม. และ 1.25 บาทต่อ ลบ.ม. ในปี 2550 และ ปี 2551 ตามลำดับ อย่ งไรก็ตาม
เนื่องจากปัจจุบัน BLDC ได้เปลี่ยนมาใช้ระบบน้ำประปา ประเภทแหล่งน้ำผิวดิน โดยการสูบน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ
ทำให้ไม่ต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมการใช้น้ำบาดาล แต่จะมีความจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่า
หน้าที่ 58 ของจำนวนหน้าทั้งหมด 92 หน้า
รายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
สารเคมี และค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องใช้ไฟฟ้าในการสูบน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยสถานีสูบน้ำตั้งอยู่นอกพื้นที่
ของนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน และต้องส่งผ่านท่อไปยังโรงผลิตน้ำประปา ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีสูบน้ำประมาณ 1.8
กม. นอกจากนี้ น้ำดิบในแหล่งน้ำธรรมชาติจะมีคุณภาพด้อยกว่าน้ำบาดาล และผันแปรไปตามฤดูกาล จึงมีผลทำให้มี
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสารเคมีเพิ่มขึ้นเพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำดิบให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด ดังนั้น โครงสร้างต้นทุน
ขายในอดีตจึงไม่สามารถนำมาใช้เปรียบเทียบหรือใช้เป็นฐานในการประมาณการในครั้งนี้
ด้วยเหตุนี้ ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระจึงได้ใช้ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ มาพิจารณาประกอบร่วมกัน ซึ่งได้แก่ รายงานการ
ตรวจสอบเชิงวิศวกรรม (Technical Due Diligence Report) ซึ่งจัดทำโดยบริษัท อีอีซี เอ็นจิเนียริ่ง เน็ทเวิร์ค จำกัด เมื่อ
เดือนมิถุนายน 2552 ซึ่งได้ประมาณการต้นทุนการผลิตน้ำประปาไว้ รวมทั้งข้อมูลภายในเกี่ยวกับการผลิตน้ำประปา
ของ BLDC ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม ปี 2552 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ BLDC ได้เริ่มดำเนินการเองโดยใช้ระบบ
น้ำประปา ประเภทแหล่งน้ำผิ วดินแล้ว (ข้อมูลในเดือนมกราคม 2552 เป็นช่ วงของการทดสอบระบบโดยผู้ รับเหมา)
และข้อมูลของ ประปาปทุมธานี ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท และมีการใช้แหล่งน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเหมือนระบบ
ผลิตน้ำประปาของ BLDC ในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2551 และไตรมาสที่ 1 ปี 2552 (ทั้งนี้ สาเหตุที่ไม่นำข้อมูลของไตรมาส
ที่ 1-3 ปี 2551 มาพิ จารณาเนื่ องจากประปาปทุ มธานีไ ด้ใช้ กำ ลังการผลิ ตเกิ นกว่ากำลั งการผลิต น้ำประปาเต็ม ที่ใ น
ช่วงเวลาดังกล่าว ทำให้อาจมีการใช้สารเคมีในสัดส่วนที่แตกต่างไปจากการผลิตน้ำประปาโดยใช้กำลังการผลิตภายใต้
สภาวะปกติ) โดยได้แบ่งต้นทุนออกเป็น ต้นทุนผันแปร และต้นทุนคงที่ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
2.1 ต้นทุนผันแปร
ต้นทุนผันแปร ประกอบด้วย ค่าสารเคมี ค่าไฟฟ้า ค่าอะไหล่และวัสดุสิ้นเปลือง และต้นทุนในการผลิตอื่นๆ ซึ่ง มี
รายละเอียด สรุปได้ดังนี้
1) ค่าสารเคมีที่ใช้ในการผลิตน้ำประปา ประกอบด้วย สารส้ม ปูนขาว และก๊าซคลอรีน ทั้งนี้ ค่าสารเคมีที่มี
การใช้จริงจากข้อมูลภายในของ BLDC ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม ปี 2552 มีจำนวนอยู่ระหว่าง 0.22 บาท
ต่อลบ.ม. ถึง 0.28 บาทต่อลบ.ม. สำหรับค่าสารเคมีที่มีการใช้จริงของประปาปทุมธานีในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2551 และ
ไตรมาสที่ 1 ปี 2552 มี จำ นวนอยู่ ระหว่ ง 0.51 บาทต่ อ ลบ.ม. ถึ ง 0.57 บาทต่อ ลบ.ม. ในขณะที่ ใ นรายงานการ
ตรวจสอบเชิงวิศวกรรม ได้ประมาณการค่าสารเคมีเฉลี่ยเท่ากับ 0.63 บาทต่อลบ.ม. ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงกว่าค่าสารเคมีที่
มีการใช้จ ริงตามตั วอย่างที่ กล่าวข้า งต้น ทั้ง นี้ บริษัท และ BLDC ได้ชี้แ จงไปในทิศทางเดียวกันว่ ค่าประมาณการ
ดัง กล่ วมีค วามเหมาะสมและมี ความเป็ นไปได้ ทั้ง นี้ สาเหตุที่ ค่า สารเคมี ที่มี การใช้จ ริง ในช่ว งระยะเวลาดั งกล่า วมี
จำนวนที่ต่ำกว่าที่ประมาณการไว้ เนื่องจากคุณภาพน้ำในช่วงระยะเวลาดังกล่าวค่อนข้างดี ทำให้ใช้สารเคมีน้อย แต่
ในช่ วงฤดู ฝน คุณภาพนํ้ จะแย่ ลง และจะมี ค่า ใช้จ่ ยของสารเคมี เพิ่ มมากขึ้ น ดังนั้ น ที่ป รึก ษาทางการเงิ นอิ สระจึ ง
กำหนดให้ค่าสารเคมีในปี 2552 เท่ากับ 0.63 บาทต่อลบ.ม. และปรับเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ตลอดระยะเวลา
ประมาณการ ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นอัตราที่ใกล้เคียงกับอัตราการเติบโตเฉลี่ยของดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (CPI)
ย้อนหลัง 30 ปี ซึ่งเท่ากับร้อยละ 3.19 (ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย)
2) ค่าไฟฟ้า เป็นค่าไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในสถานีสูบน้ำดิบ และในระบบผลิตน้ำประปา ทั้งนี้ ค่าไฟฟ้าที่มีการใช้จริง
จากข้อมูลภายในของ BLDC ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ - พฤษภาคม ปี 2552 มีจำนวนอยู่ระหว่าง 0.58 บาทต่อลบ.ม. ถึง
0.70 บาทต่อลบ.ม. สำหรับค่าไฟฟ้าที่มีการใช้จริงของประปาปทุมธานีในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 2551 และไตรมาสที่ 1 ปี
หน้าที่ 59 ของจำนวนหน้าทั้งหมด 92 หน้า
(ยังมีต่อ)